ข่าว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. สรุปผลการปฏิบัติงานในการอายัดเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากฝีมือของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีคนร้ายคืนมาได้ 10 ราย รวมเป็นเงิน 3,797,534 บาท เป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวง

จากการปฏิบัติงานของสายด่วน 1710 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสายด่วน 1155 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง แล้วระงับไม่ให้คนร้ายถอนเงินออกไป

ยึดเงินคืนให้กับผู้เสียหาย

นโยบายของรัฐบาลให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำผิด และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายหน่วยงาน บังคับข่มขู่ให้เหยื่อกลัวความผิดโอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายที่ใช้ชื่อคนไทยเปิดบัญชี

มีผู้หลงเชื่อจนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก

กว่าผู้เสียหายจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็สายไปแล้ว เงินส่วนใหญ่ถูกโอนไปเข้าบัญชีของกลุ่มที่มีนายทุนเป็นชาวจีนอยู่เบื้องหลัง และจ้างคนไทยร่วมขบวนการ และเปิดบัญชีธนาคารในเมืองไทย จนทำให้ผู้เสียหายต้องสูญเสียเงินที่ถูกหลอกให้โอนไป ผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่เคยได้เงินคืน ทำให้ไม่อยากไปแจ้งความให้เสียเวลา

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จัดตั้ง “ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” มี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. คุมชุดปฏิบัติการ ใช้ช่องทางของศูนย์ฯ กำหนดมาตรการปราบปราม จับกุมและเยียวยาช่วยเหลือผู้เสียหาย อายัดเงินคืนผู้เสียหาย เปิดโอกาสให้ผู้ที่รู้ตัวว่าถูกหลอกลวงแจ้งสายด่วน 1155 และ 1710 โดยเร็วที่สุด

...

เพื่ออายัดบัญชีที่ถูกโอนออกไป

แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ทำคือ ข้อมูลของผู้เสียหายทั้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือโทรศัพท์บ้าน ที่ไปอยู่ในมือกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นคนต่างชาติได้อย่างไร หลายคนที่เป็นเหยื่อถูกหลอกส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่เคยทำธุรกรรมกับบริษัท ห้างร้าน ซึ่งต้องแจ้งข้อมูลหมายเลขติดต่อไว้กับบริษัท แต่บริษัทนำข้อมูลขายต่ออีกทอดให้บริษัทอื่น เป็นอีกช่องทางที่ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีข้อมูลเหยื่อ จากเดิมรำคาญกับโทรศัพท์ที่มาชวนให้ทำประกันชีวิต ประกันรถ หรือทำธุรกรรมการเงิน ต้องระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นำมาใช้หลอกลวง

คนที่ให้ข้อมูลมีความผิด มีคนได้รับความเสียหายอีกมาก รัฐบาล น่าจะลงมาแก้ไขที่ “ต้นเหตุปัญหา” คิดแก้ไขกฎหมายให้มีอำนาจดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทที่ขายข้อมูลลูกค้าไปอยู่ในมือกลุ่มคนร้าย

ก่อนที่จะสายเกินไป.


“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th