ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะเข้ามา วันนี้ เราจึงขอรวบรวม 5 บุคคลที่แจ้งเกิดจากทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ โดยคัดเลือกมาจากคนที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากในสังคมไทย ไม่ว่าจะหล่อ สวย รวย เก่ง และมีไอเดียสุดบรรเจิด จะมีใครบ้างนั้น ไปติดตามได้เลย...

1. พลทหารไฮโซแล้วไง? กองทัพไทยจำเป็นต้องมีหัวกะทิ ให้ทัดเทียมชาติอื่น

จำเขาได้หรือเปล่า? ศรัณย์ ซอโสตถิกุล ลูกชายนายห้างดัง ผู้สมัครเข้าเกณฑ์ทหารในเหล่าทหารเรือ ทั้งที่มีทางเลือกมากมาย

หากดูจากโปรไฟล์แล้ว เขาคนนี้ไม่ธรรมดา...นอกเสียจากครอบครัวมีเงินเป็นพันล้านแล้ว ยังมีดีกรีนักเรียนนอก สอบชิงทุนไปเรียนไฮสคูลที่สหรัฐฯ และเข้าศึกษาต่อปริญญาตรี และปริญญาโท ด้านฟิสิกส์ พ่วงมาอีกด้วย

แต่ ศรัณย์ เลือกทิ้งชีวิตสุขสบาย ตบเท้าเข้าสมัครรับใช้ชาติ และด้วยสมองระดับหัวกะทิ ทำให้เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ อย่าง พล.ร.ต.วิพันธ์ุ ชมะโชติ ดึงตัวเข้าร่วมทีมกรมวิทยาศาสตร์ ของกองทัพเรือ เดินหน้าลุยงานด้านนิวเคลียร์ ชีวเคมีในทันที

...

คิดอย่างไรกับฉายาพลทหารไฮโซ พลทหารศรัณย์ ตอบว่า “ผมกลับแปลกใจนะครับที่คนมาสนใจในเรื่องนี้มาก เพราะว่าส่วนหนึ่งในต่างประเทศที่เคยชินมา อย่างสหรัฐฯ ถ้าเป็นคนที่มีธุรกิจ มีระดับการศึกษาสูง ถือเป็นเกียรติ และเป็นโอกาสที่จะได้รับใช้ชาติ เพราะเขาถือว่าความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องสำคัญ

ดังนั้น กองทัพเขาต้องการคนระดับหัวกะทิ มีความสามารถ มารับใช้ชาติ ซึ่งผมเชื่อว่า การที่ประเทศไทยจะเจริญเติบโตในเวทีระดับโลก เทียบเคียงบ่าเคียงไหล่กับต่างชาติได้ จะต้องใช้คนที่เป็นระดับหัวกะทิ มีส่วนร่วมด้วย ไม่อย่างนั้นจะไปสู้เขาได้ยังไง ผมเลยมองว่ามันไม่แปลกที่นักธุรกิจ คนตระกูลดัง หรือคนที่จบ ป.โท หรือ ป.เอก อยากจะมารับใช้ชาติ”

2. ความเข้าใจสำคัญกว่าความรัก...เทคนิคครองคู่สาวพิการใจแกร่งพบรักหนุ่มแสนดี

เรื่องราวความรักอันหวานชื่นของ ชมพู่ ภัทราวรรณ พานิชชา วัย 26 ปี หรือ Miss Wheelchair Thailand 2012 หลังประสบอุบัติเหตุรถสิบล้อชนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของเธอเมื่อ 10 ปีก่อน เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ทำให้ร่างกายของเธอตั้งแต่สะโพกลงไปไร้ความรู้สึก และขยับเขยื้อนไม่ได้...

แต่แล้วกลับมีหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในชีวิตของเธอ ความสม่ำเสมอของชายหนุ่มมัดใจสาวสวยอย่างชมพู่ได้ไม่ยาก “เวลาที่เรามีปัญหา หรือมีความทุกข์ แล้วเราอยากปรึกษาใครสักคน ผู้ชายคนอื่นจะบอกว่า สู้ๆ นะ แค่นี้เลย แต่กับผู้ชายคนนี้ เขาจะรีบบอกกับเราเลยว่า มีอะไรให้เราช่วยมั้ย ถ้ามีรีบบอกเราเลยนะ ซึ่งเขาเห็นความทุกข์ของเรา เป็นความทุกข์ของเขาเหมือนกัน และตั้งแต่คบกันมา ไม่มีอาทิตย์ไหนเลยที่เขาจะไม่มาหาชมพู่ เขามาหาอยู่ตลอด มาดูแล ถ้าเราบอกว่าเราป่วยอยู่นะ ไม่ว่าเวลานั้นจะเป็นกลางวัน หรือกลางคืน เขาก็จะขับรถมาจากราชบุรี เพื่อมาดูแลเรา พาเราไปหาหมอด้วยตัวเอง”

...

ชมพู่เคยถามฝ่ายชาย ถึงความคิดเห็นของพ่อแม่ฝ่ายชายไหม? ผู้สื่อถามถึงปัญหาสำคัญที่ชีวิตของคู่รักหลายๆ คู่ต้องพบเจอ ชมพู่ ตอบว่า “ถามค่ะ เราถามเขาว่า ทำไมถึงมารักเรา ทั้งๆ ที่เราเดินไม่ได้ ซึ่งเขาก็ตอบกับเรามาว่า มันไม่ใช่สาระสำคัญอะไร เดินได้ หรือเดินไม่ได้ เขาก็ดูแลได้ ชมพู่ก็เลยถามไปอีกว่า แล้วแม่เธอ ญาติเธอ เธอไม่กลัวเขาจะว่าอะไรหรอ เขาก็ตอบเรามาว่า ตั้งแต่ที่เขามาคุยกับเรา เขาก็บอกแม่ และญาติๆ เขาแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้มีที่มาที่ไปของชีวิตอย่างไรบ้าง ซึ่งแม่เขาก็ชื่นชมเราว่า เราเป็นคนเก่งนะ สู้ชีวิตนะ และที่บ้านของเขาก็เข้าใจในความรักของเราเป็นอย่างดี ไม่ได้ว่าอะไรเราทั้งสิ้น”

ทีมข่าว อัพเดตชีวิตของสาวชมพู่ให้แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ได้ทราบ โดยชมพู่ เล่าว่า ทุกวันนี้ยังรักกันดีกับแฟนหนุ่ม โดยคบกันมา 1 ปี 6 เดือนแล้ว ซึ่งสิ่งที่ทำให้คบกันถึงวันนี้ นอกจากความรักแล้วต้องมีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน บางครั้งความเข้าใจสำคัญกว่าความรักอีก ส่วนเวลามีปัญหาวิธีฝ่าฟันอย่างไรบ้างนั้น ก็มักจะนึกถึงใจเขาใจเราอยู่เสมอ ไม่อยากโกรธกันนาน เช่น โกรธที่แฟนมารับช้า ก็จะคิดว่าเขาอาจจะมีธุระ ดีกว่ารีบมารับแล้วเกิดอุบัติเหตุ

...

“สำหรับคนที่มีแฟนอยู่แล้ว มีความรักที่ดี หรือไม่ดีก็ตาม อยากให้นึกถึงวันแรกที่เราชอบเขา วันที่เราอยากได้เขามาเป็นแฟน วันแรกที่เราคบกัน แต่เมื่อมีปัญหาเรามองว่าเขาเปลี่ยนไป แล้วเราหันกลับมามองตัวเองหรือเปล่าว่า เราเปลี่ยนไปมั้ย อยากให้นึกถึงวันแรกที่คบกัน ว่า เรารักกันมากขนาดไหน ยิ่งคบกันนานยิ่งเห็นนิสัยกัน ขึ้นอยู่กับว่า เราทั้งสองจะปรับตัวให้เข้ากันได้แค่ไหน

ส่วนคนที่ยังไม่มีคนรัก เราเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เราอาจจะรู้สึกเหงา แต่จริงๆ แล้วเรายังมีครอบครัวของเราอยู่ อยากให้หันกลับไปมองคนที่บ้าน ว่า ตอนนี้เขากินข้าวหรือยัง คิดถึงเรามั้ย แค่เราโทรไปหาเราก็ได้รับพลังใจที่ดีมากๆ เพราะบางทีเรามัวแต่นึกถึงความรักหนุ่มสาว แต่เราว่าความรักของครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เช่นกัน ชมพู่ ฝากข้อคิดทิ้งท้าย

...

3. เด็กหลังห้อง โดดเรียน ซิ่ววิศวะ สู่เภสัชกรขวัญใจคนชลบุรี

เภสัชกรหน้าหล่อ เป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวเล็กสาวใหญ่ในบางแสน มีนามว่า ภก.วรรณรัชฎ์ นันทิประภา หรือที่ใครๆ หลายคนเรียกขานว่า “หมอไต้ฝุ่น” เภสัชกรประจำร้านขายยาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพิกัดอยู่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยบูรพา

หมอไต้ฝุ่น วัย 27 ปี ใช้ชีวิตล้มลุกคลุกคลาน ยอมรับว่า เรียนไม่เก่ง ไม่ชอบคำนวณ จึงซิ่วจากคณะวิศวะออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะไปในทิศทางไหน ใช้ชีวิตเด็กหลังห้อง เที่ยวเล่น โดดเรียน จนอาจารย์ที่ปรึกษาต้องมาตามกลับไปเรียน จนเรียนจบปริญญาตรีจากคณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบลราชธานี (หลักสูตร 6 ปี) และยังมีประสบการณ์ในการฝึกงานมาอย่างมากมายหลายแห่ง

“อาชีพเภสัชกรชุมชน เสน่ห์ของมันอยู่ตรงที่ความเป็นอิสระในตัวเอง เราสามารถใช้ความรู้ ความสามารถของตัวเองมาประยุกต์ใช้ในการดูแลลูกค้า หรือดูแลคนไข้ให้เขาหายป่วย หายกังวลจากข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของตัวเอง” หมอไต้ฝุ่น อธิบายถึงอาชีพเภสัชกร

หลังจากที่ เภสัชหนุ่มรูปงามออกข่าวไทยรัฐออนไลน์ไปแล้วนั้น ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง? หมอไต้ฝุ่น ตอบอย่างเขินอายว่า “มีคนรู้จักมากขึ้นครับ (หัวเราะ) และมีลูกค้าเข้ามาที่ร้านขายยามากขึ้นครับ ซึ่งผมก็จะให้คำแนะนำประกอบไปด้วย เพราะการเป็นเภสัชกรไม่ใช่จ่ายยาอย่างเดียว แต่ต้องอธิบายให้ละเอียด และใช้คำง่ายๆ เพื่อให้คนไข้เข้าใจ

รวมทั้ง ยังต้องอธิบายในเรื่องการปฏิบัติตัวเพื่อรักษาสุขภาพของตัวเอง และวิธีป้องกัน โรคที่อาจจะตามมาภายหลังด้วยครับ และจะมีการถามซ้ำหากคนไข้สงสัยเรื่องใด หรือโทรมาสอบถามที่เบอร์ที่ร้านได้ เผื่อว่าคนไข้สงสัย และลืม สามารถโทรศัพท์มาสอบถามได้ตลอดเวลาครับ”

นอกจากนี้ หมอไต้ฝุ่น ยังบอกอีกว่า อนาคตยังไม่ได้วางแผนว่าจะเปิดร้านขายยาสาขาใหม่เพิ่ม เพราะดูแลไม่ไหว แต่อยากทำร้านเดียว และทำให้ดีที่สุดดีกว่า

4. ไอดอลแห่งการเกษตร ‘ดร.เกริก มีมุ่งกิจ’ ร้อยล้านเหลือ 2 พัน

“พ่อผมไม่อยากให้ผมเป็นเกษตรกร เพราะงานเกษตรมันงานหนัก ช่วงหนึ่งผมไม่ไปเรียน ท่านจึงใช้งานผมอย่างหนักให้ทำงานตั้งแต่เช้าจนมืด ท่านไม่ได้โหดร้ายกับเรา แค่อยากจะบอกเราว่าทำเกษตรมันหนัก เหนื่อย และมันจน” ความหลังของ ดร.เกริก ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อจบ ม.6 ต่อ มศว บางแสน หรือ ม.บูรพา ในปัจจุบัน จากนั้นก็เรียนจนจบปริญญาตรี 4 ใบ เอกอังกฤษ เอกภาษาไทย นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ส่วนปริญญาโท จบคณะบริหารการศึกษา และปริญญาเอกที่ฟิลิปปินส์ สาขาวนเกษตร

หลังจากเรียนจบนอกก็มาเริ่มต้นเป็นพ่อพิมพ์ของชาติ และทำอาชีพนายหน้าค้าที่ดินควบคู่ไปด้วย จับมาขายไปรายได้เป็นกอบเป็นกำ ดร.เกริก จึงกลายเป็น เสี่ยเกริก รวยอู้ฟู่นับร้อยล้าน แต่แล้วจากคนรวยติดอันดับ ก็กลายเป็นยาจกชั่วข้ามคืน เพราะความไม่รู้จักพอ

“ผมเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของในหลวง นั่นคือ กลับไปทำเกษตร ผมเชื่อว่าเกษตรกรเป็นอาชีพที่มั่นคง ไม่ต้องไปแย่งใครทำ ไม่ต้องแข่งขัน และที่สำคัญคือ เป็นอาชีพที่ชอบมาตั้งแต่เกิด จากนั้นจึงเริ่มวางแผน โดยใช้เวลาถึง 3 ปี จึงก้าวมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว”

วันนี้ ดร.เกริก ได้เจอความสมดุลในชีวิต เพราะคำว่า พอมี พอใจ พอเพียง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

5. พระทำของแท้! หลวงพี่สุดครีเอต เนรมิตเก้าอี้เก่ากึ้ก 17 ปี จนใหม่เอี่ยม

เรียกได้ว่าเป็นคลิปที่มาแรงแซงโค้งมากๆ มีคนรับชมเกินล้านวิว โดย พระกิตติศักดิ์ สุทฺธกุโล พระวัดโพธิ์ชัย บ้านดอนแตง จ.อุดรธานี โพสต์คลิปวิดีโอขณะกำลังทำความสะอาดเก้าอี้วัดเก่าๆ ที่ญาติโยมนำมาถวายให้กับวัด โดยใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงอัดฉีดจนเก้าอี้สะอาดเอี่ยมอ่องกลับมาน่าใช้อีกครั้ง

ทั้งนี้ พระกิตติศักดิ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า บวชมาแล้ว 7 พรรษา แต่เดินทางอยู่ตลอด เพิ่งจะได้มาจำวัดที่วัดโพธิ์ชัยได้ 1 พรรษา และเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉย ต้องหากิจกรรมทำ โดยเมื่อจำวัดจะหาที่ปลีกวิเวกปฏิบัติธรรม รวมทั้งยังถูกฝึกให้เป็นคนรักความสะอาดตั้งแต่ตอนบวชแรกๆ เห็นอะไรในวัดก็อยากจะทำให้มันเรียบร้อย ซึ่งเก้าอี้ที่ญาติโยมบริจาคมาแทบจะมองไม่เห็นชื่อเลย แต่พอล้างแล้วก็ได้เห็นชื่อผู้บริจาคชัดเจนขึ้น เพราะบวชมาแล้วก็ต้องทำหน้าที่ ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของพระให้ดีที่สุด

“พอดีช่วงนี้ฝนตกทุกวัน ตะไคร่น้ำเกาะพื้นถนน อาตมาเลยใช้เครื่องอัดฉีดขัดพื้นถนน จู่ๆ มองเห็นเก้าอี้เก่าตัวหนึ่ง จึงเกิดความคิดขึ้นว่าเครื่องอัดฉีดเราใช้แรงดีอยู่นะ ฉีดตะไคร่น้ำเกาะพื้นถนนเเน่นๆ ยังออกเลย อาตมาจึงลองเอาเก้าอี้เก่ามาลองฉีด 1 ตัว

แต่พอฉีดแล้วกลับได้ผลเกินคาด จากคราบฝังแน่นที่ติดเก้าอี้ใช้งานมา 17 ปีหลุดออกหมดเลย พอฉีดเสร็จสภาพเก้าอี้ใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งชื้อมาใหม่ หลังจากนั้นอาตมาเลยขนเก้าอี้มาทั้งหมด ตัวไหนที่เก่าเลยลงคลิปให้โยมได้อนุโมทนาบุญด้วย เพราะอาตมาได้ทำหน้าที่รักษาศาสนสถานให้ได้ใช้งานนานขึ้น พระกิตติศักดิ์ เล่าถึงที่มาที่ไปของคลิปดัง

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน