ปัจจุบันคนไทยยังต้องเผชิญกับภาวะการระบาดของโรคไข้เลือดออกจนต้องเสียชีวิต ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้พยากรณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2560 ว่า จะมีการระบาดและมีผู้ป่วยมากกว่าปี 2559 โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมและพฤศจิกายน จะมีผู้ป่วยสูงสุด ปัจจุบันมีผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคนี้แล้ว 41 ราย ทั้งที่การป้องกันโรคนี้ทำได้โดยง่ายๆ เพียง “กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง” นั่นเอง เช่น เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้บ่อยๆ, กำจัดยุงในบริเวณมุมอับภายในบ้าน ตู้เสื้อผ้า บริเวณรอบบ้านทุกสัปดาห์, ปิดฝาภาชนะใส่น้ำในบ้านให้มิดชิด หรือป้องกันด้วยการกางมุ้งนอน, ทายากันยุง, ฉีดสเปรย์ไล่ยุง เป็นต้น

โอกาสนี้ น.ท.นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์ ผู้บริหาร กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ ได้มาให้ความรู้ในการป้องกันโรคที่มาจากยุงด้วยว่า ยุงแต่ละชนิดจะเลือกกัดเฉพาะบางเวลา อย่างยุงลาย พาหะนำโรคไข้เลือดออกจะกัดตอนกลางวัน, ยุงรำคาญ พาหะนำโรคไข้สมองอักเสบ กัดเวลาเย็นถึงค่ำ, ยุงก้นป่อง พาหะนำโรคมาลาเรีย กัดเฉพาะกลางคืน การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ควรทำทุกอาทิตย์ โดยเฉพาะโรงเรียน ควรจะตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กันยุงหลายรูปแบบ เช่น ชนิดโลชั่น ชนิดแผ่นทาผิวหนัง ชนิดแผ่นติดบนเสื้อผ้า สายรัดข้อมือ สมุนไพรไล่แมลง แต่ที่ได้รับความนิยมและพัฒนามาใหม่ล่าสุด คือ แบบสเปรย์ ที่สะดวกและใช้งานง่าย โดยมีสเปรย์กันยุงที่มีส่วนประกอบของ IR3535 ซึ่งเป็นสารไล่แมลงที่ปลอดภัยสูงสุดในตอนนี้ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ethyl Butyacetyl Aminopropionate มีความปลอดภัยสูงใช้ได้กับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป มีความปลอดภัยมากกว่าสาร DEET ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในเด็กเล็ก โดยที่ให้ใช้ในเด็กที่อายุเกิน 4 ขวบ ขึ้นไปเท่านั้น สารสำคัญ IR3535 ป้องกันได้ทั้งยุงกลางวันและยุงกลางคืนนาน 7 ชั่วโมง โดยฉีดบนร่างกายได้โดยไม่เกิดการระคายเคือง ไม่ทิ้งคราบเหนียวเหนอะ อีกทั้งยังมีกลิ่นไม่รบกวนกลิ่นน้ำหอมเดิมที่ฉีดไว้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรหันมาใส่ใจและปกป้องลูกจากยุงร้าย โดยทายา หรือสเปรย์ยากันยุงให้ลูกก่อนไปโรงเรียน เนื่องจากยุงลายจะกัดคนในเวลากลางวัน.

...