เป็นปัญหาสุขภาพระดับชาติของ “ผู้ชายไทย”...เมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกมาให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพ โดยพบว่าชายไทยวัยกลางคนจำนวนไม่น้อยมีปัญหา “ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย”
ด้วยตรวจพบว่า “ผู้ชายไทย” เฉลี่ยอายุเริ่มตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงต่อภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย มีส่วนทำให้นกเขาไม่ขัน หมดอารมณ์ทางเพศ ส่งผลกระทบต่อปัญหาครอบครัวถึงขั้นหย่าร้าง และยังส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆตามมา อาทิ โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ
พ.ต.ท.นพ.สุรัติ กิตติศุภพร นพ.สบ.2 ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินปัสสาวะ สำนักงานศัลยกรรม โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ปัญหานกเขาถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ชาย เพราะนอกจากจะทำให้สูญเสียความมั่นใจแล้ว ยังเป็นสัญญาณเตือนภัยโรคร้ายต่างๆ
แต่...ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะไม่ยอมรับว่าตัวเองเกิดภาวะนกเขาไม่ขัน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เพราะผู้ชายจะเป็นเพศที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง โดยปัจจุบันตรวจพบว่า ผู้ชายอายุเฉลี่ยเริ่มพบตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงต่อภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย อาการจะคล้ายๆกับผู้หญิงวัยทอง โดยสังเกตง่ายๆ ดังนี้
1.มีอาการคล้ายซึมเศร้า 2.นอนไม่หลับ 3.หงุดหงิดง่าย 4.อวัยวะเพศไม่แข็งตัว 5.อ้วนลงพุง ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดโรคนี้ มาจาก... ความเสื่อมของร่างกาย ความเครียดจากการทำงาน ปัญหาเรื่องสุขภาพ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และสุดท้ายความผิดปกติของต่อมใต้สมอง
สำหรับแนวทางการรักษาโรคนกเขาไม่ขัน หรือภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ก็จะรักษาไปตามขั้นตอน คือ แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจค่าฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเวลาที่ฮอร์โมนเพศชายจะหลั่งเยอะที่สุดคือช่วง 08.00-11.00 น. ถ้าค่าฮอร์โมนมากกว่า 3.4 นาโนกรัม ถือว่าปกติ
...
แต่ถ้าต่ำกว่า 3.0 นาโนกรัม คือ ผิดปกติ ต้องเข้ารับการรักษา เพราะหากปล่อยให้เรื้อรังจะส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านสุขภาพ คือ คนไข้จะมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน, โรคกระดูกพรุน และโรคคล้ายซึมเศร้า เมื่อตรวจฮอร์โมนแล้วแพทย์ก็จะให้การรักษาโดยหนึ่ง...ให้ยาปรับเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย
“เมื่อปรับเพิ่มฮอร์โมนแล้วไม่ดีขึ้นก็เข้าสู่กระบวนการบำบัด โดยให้ยาในกลุ่ม Phosphodiesterase-5 inhibitors หรือไวอากร้า เพื่อรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ทำให้องคชาตแข็งตัวขึ้น”
ถัดมา...รักษาโดยการฉีดยาเข้าองคชาตก่อนมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ดูเป็นที่หวาดเสียวจนไม่ได้รับความนิยม และหากยังไม่ได้ผลแพทย์จะแนะนำวิธีการสุดท้ายคือ...การฝังแกนเทียมในอวัยวะเพศ วิธีนี้เป็นวิธีการที่หวาดเสียวที่สุด เจ็บตัวเยอะสุด วิธีการรักษานี้ได้ผลดี แต่ราคาแพงมาก
น่าสนใจว่าปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการรักษาโรคนกเขาไม่ขัน โดยการนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Shockwave” หรือ “การใช้คลื่นเสียง” ที่มีความเข้มต่ำแบบแรงกระแทกจากภายนอก (Low-Intensity Extracorporeal Shock Wave Therapy : LI-ESWT) ไปกระตุ้นบนอวัยวะเพศของผู้ป่วย...
เป็นผลทำให้เกิดการสร้างหลอดเลือดฝอยใหม่เพิ่มขึ้นในอวัยวะเพศจากหลอดเลือดเดิม
...และทำให้สิ่งที่เกาะตามเส้นเลือดเก่ากะเทาะหลุดออก เมื่อหลอดเลือดในอวัยวะเพศทำงานได้ดีขึ้น การตื่นตัวและการขยายของอวัยวะเพศจึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“นับเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะผิดปกติการแข็งตัวของอวัยวะเพศ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องเสี่ยงอดทนต่อผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยการใช้ยาเหมือนอดีต”
ธีธัช เลาหบุญญ์ กรรมการบริหาร คลินิกเวชกรรมเลาหบุญญ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันวงการแพทย์ได้นำเทคโนโลยี “Shockwave Therapy” (ช็อกเวฟเทอราปี) หรือการใช้คลื่นเสียงที่ว่ามารักษาผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องอวัยวะเพศไม่แข็งตัว โดยคลื่นเสียงที่ยิงเข้าไปบริเวณอวัยวะเพศตามจุดที่กำหนดไว้จะไปสลายหินปูน แคลเซียม และอื่นๆที่เกาะอยู่บริเวณหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชาย
“ทำให้มีการไหลเวียนของเลือดที่ดีขึ้น”
นอกจากนี้แล้วยังมีผลในระยะยาวที่จะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ในอวัยวะเพศ เมื่อเลือดสามารถไหลไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศได้สะดวกและมากขึ้น การแข็งตัวของอวัยวะเพศจึงได้รับการฟื้นฟูให้ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ดี ในบางกรณีของคนไข้ แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาในกลุ่ม Phosphodiesterase-5 inhibitors เพื่อหวังผลในการรักษาที่ดีขึ้น...เร็วขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาฟื้นฟูด้วยเทคโนโลยีนี้
นวัตกรรมช็อกเวฟเทอราปีถูกค้นพบในปี 2513 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง แรกเริ่มแพทย์ได้นำคลื่นเสียงช็อกเวฟมาใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นนิ่ว โดยนำคลื่นเสียงมายิงเพื่อสลายนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ และในไต เพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัด ผู้ป่วยไม่ต้องเจ็บตัว ต่อมาวงการแพทย์ได้ประยุกต์โดยการนำคลื่นเสียงช็อกเวฟมาใช้ในการบำบัดความเจ็บปวดในกล้ามเนื้อจนเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปถึงประสิทธิภาพในการบำบัดอาการปวด
รวมไปถึงการรักษาอาการปวดจากการนั่งทำงานในออฟฟิศ หรือ “ออฟฟิศซินโดรม” และในปัจจุบันวงการแพทย์เริ่มให้ความสนใจในการประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) มีงานสนับสนุนด้านวิจัยออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูอาการ ED
จนเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในกลุ่มแพทย์ทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป
สมาคมแพทย์ทางเดินปัสสาวะของยุโรปได้อนุมัติให้นำนวัตกรรมช็อกเวฟมารักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ “นกเขาไม่ขัน” อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2556 นอกจากนี้แล้วเริ่มมีงานวิจัยที่นำคลื่นเสียงช็อกเวฟมาใช้ในการรักษาแผลที่เกิดจากเบาหวานที่ปกติรักษายากและไม่หาย จนต้องตัดมือ ตัดขา กันในอดีต...
...
“เริ่มมีการนำคลื่นเสียงมายิงกระตุ้นที่แผลให้เกิดกระบวนการสร้างเส้นเลือดใหม่มาหล่อเลี้ยงแผล ซึ่งแผลที่มีเส้นเลือดใหม่มาหล่อเลี้ยง จะมีสภาพที่ดีขึ้น เนื้อใหม่ๆจะเริ่มเกิดขึ้นมาแทนเนื้อเก่าที่ตายแล้ว...แผลจึงมีโอกาสหายได้ จึงเป็นการลดโอกาสที่ผู้ป่วยเบาหวานจะต้องถูกตัดอวัยวะของร่างกายจนกลายสภาพเป็นการพิการ”
ธีธัช บอกอีกว่า ในประเทศไทยมีเครื่องมือชนิดนี้อยู่ประมาณ 10 เครื่อง ส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ นำมาใช้รักษาโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะและโรคอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งภายหลังมีการพัฒนานำมาใช้รักษาอาการนกเขาไม่ขันสำหรับผู้ชายด้วย สำหรับผู้ที่มีปัญหาติดตามข้อมูลหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.lhb-medical.com
พ.ต.ท.นพ.สุรัติ กิตติศุภพร ฝากทิ้งท้ายว่า สำหรับผู้ชายที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ที่มีอาการคล้ายซึมเศร้า...นอนไม่หลับ...หงุดหงิดง่าย...อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ควรรีบมาพบแพทย์ ตรวจเช็กอาการเบื้องต้น เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด แพทย์จะแนะนำแนวทางรักษาให้โดยเร็ว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
“อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเป็นโรคเกี่ยวกับโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ...หากปล่อยไว้จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตระยะยาว”
อยากให้ “ผู้ชาย” ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้...เริ่มจากพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงความเครียด และที่สำคัญ...หมั่นตรวจเช็กสุขภาพทุกปี.