
น้ำผึ้งหยดเดียว
กลายเป็นประเด็นร้อน เดือดพล่านระหว่างหน่วยงาน จากกรณี ฝ่ายปกครอง จังหวัดพัทลุง นำโดยปลัด และเจ้าหน้าที่ อส.ร่วมกันจับกุม ส.ต.ต.รายหนึ่ง สังกัด สภ.ยะหา จ.ยะลา พร้อมอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก และปืนเอ็ม 16 ทางราชการ 1 กระบอก แจ้งข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน นำส่ง สภ.เมืองพัทลุง ดำเนินคดี
จัดภาพแถลงข่าวผลการจับกุมใหญ่โตราวกับจับอาวุธสงครามลอตใหญ่ได้
ข่าวแนะนำ
สร้างความไม่พอใจให้กับตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียสละเสี่ยงภัยทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ถึงขนาดเรียกร้องให้ย้ายปลัดลงไปจังหวัดชายแดนใต้ จะได้รู้ว่าอันตรายแค่ไหน
ได้เข้าใจทำไมตำรวจใต้พกปืนตลอดเวลา
ตำรวจผู้ถูกจับชี้แจงว่า กลับจากบ้านจะเดินทางกลับไปหน่วยที่ตั้ง ต้องผ่าน อ.จะนะ จ.สงขลา จนถึง อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นพื้นที่สีแดง มีเหตุเจ้าหน้าที่ถูกยิงบ่อยครั้ง
จำเป็นต้องมีอาวุธไว้ป้องกันตัว
แม้นายตำรวจระดับสูงโทรศัพท์มายืนยันตัวตำรวจอยู่ในพื้นที่ แต่ปลัดไม่ยอมฟังจะจับอย่างเดียว
ก่อนถูกจับ ตำรวจถูกสั่งไปให้ตรวจปัสสาวะถึง 2 ครั้ง ตำรวจให้ความร่วมมือดี แต่ไม่พบสารเสพติด จึงหันกลับมาเล่นข้อหาอาวุธปืน
แหล่งข่าวที่ว่ากันว่า สาเหตุมาจากเรื่องที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบางคนโกรธที่ถูกตำรวจทางหลวงจับกุม แต่เล่นงานทางหลวงไม่ได้ จึงมาเล่นงานตำรวจภูธรคนอื่นแทน
ถ้าเป็นจริงตามข่าว ถือว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ขาดวุฒิภาวะ เอาความแค้นส่วนตัวมาเป็นที่ตั้ง ขนาดตำรวจยังโดนเล่นขนาดนี้ ชาวบ้านจะขนาดไหน
หากลงไปดูในข้อเท็จจริง
เคยมีคำพิพากษาเป็นแนวทางว่า การมีไว้ครอบครองปืนราชการโดยชอบ ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้แต่ฝ่ายปกครองส่วนใหญ่ด้วยกันเอง ยังไม่เห็นด้วยกับการกระทำ
เชื่อว่าไม่มีฝ่ายปกครองที่ไหนในประเทศเขาทำ เป็นเรื่องน่าอายมาก
ตำรวจและปกครองส่วนใหญ่ ทำงานร่วมกันดี
เจ้าหน้าที่ต้องยึดเอาบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาเรื่องส่วนตัว มาใช้อำนาจในทางที่ผิด
อยากให้ช่วยตรวจสอบการทำงานของฝ่ายปกครองที่ทำแบบนี้หน่อย
ก่อนทุกอย่างจะสาย กลายเป็น...น้ำผึ้งหยดเดียว
สร้างความแตกแยกระหว่างองค์กร.