ในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่เติบโตมากที่สุดคือธุรกิจอาหารเสริม เครื่องสำอางและสถานเสริมความงาม ผุดขึ้นมาทุกหย่อมหญ้า เรียกได้ว่ามีเงินหลักหมื่นก็สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง วางขายตามเพจเฟซบุ๊ก หรือเว็บไซต์โซเชียลมีเดียหลากหลายยี่ห้อจนเกลื่อนประเทศ
กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่เข้มงวดในการลงพื้นที่ตรวจสอบ กวาดจับ ทำลายเครือข่ายผิดกฎหมายไม่ได้มาตรฐานทั่วทุกมุมประเทศ ชื่อของ "พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ" ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค รับผิดชอบเกี่ยวกับความผิดที่เกี่ยวกับอาหารและยาทั่วประเทศ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ด้วยผลงานการจับกุมที่ต่อเนื่องออกสื่อหลายแขนง ชื่อชั้นของ "ทรงโปรด สิริสุขะ" ยังถูกพูดถึงสม่ำเสมอ การันตีด้วยรางวัลข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ของ บช.ก. "ไทยรัฐออนไลน์" โดย "Police community" พามาเปิดสัมภาษณ์แนวคิด มุมมองการทำงาน หลังคำสั่งแต่งตั้งล่าสุด โยกมา นั่งเก้าอี้ "ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดชลบุรี"
หลายคนคงคุ้นหูกับนามสกุล "สิริสุขะ" ถูกต้องแล้วค่ะ ... "ทรงโปรด สิริสุขะ" หรือโปรด มีน้องสาวแท้ๆ 2 คน คือ ปูเป้-รามาวดี นาคฉัตรีย์ และ เชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ ทั้งคู่เป็นดารานักแสดงที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง "ทรงโปรด" เป็นลูกชายคนโต ของ พล.ท.ยุทธนา - เจ้านิรมิต สิริสุขะ ต่อมา 'ทรงโปรด' แต่งงาน กับ ลัลนารี สิริสุขะ บุตรสาว พลเอก พัฑฒะนะ พุธานานนท์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก
...
กว่าจะเป็น พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดชลบุรี
ผมอยากเป็นตำรวจเพราะว่าผมชอบอ่านหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว อีกอย่างคือเป็นตำรวจมันเท่ดี แถมยังได้ใช้สมองไขคดีต่างๆ ช่วยเหลือคน ตามประสาวัยรุ่นครับ กระทั่งผมปรึกษาครอบครัวว่าจะสอบเข้าเตรียมทหารนะ ทุกคนในบ้านเห็นด้วย
จากนั้นเรียนจบมัธยมศึกษาโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 35 นักเรียนนายร้อยตำรวจ 51 ก่อนที่ผมจะมาดำรงตำแหน่ง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ผมได้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค รับผิดชอบเกี่ยวกับความผิดที่เกี่ยวกับอาหารและยา ทั่วประเทศ
ถ้าจะให้บอกเล่าถึงความสำคัญของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค อย่างที่รู้กันดีว่า ธุรกิจที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในห้วงหลายปีที่ผ่านมาคืออาหารเสริม เครื่องสำอางและสถานเสริมความงาม ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ กก.4 บก.ปคบ.ทั้งหมด เมื่อมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว การที่จะดูแลให้ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยต่อประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมจับกุมอาชญากรคดีฆ่าคนตายสักคนหนึ่งไม่ได้ และเค้าออกไปอยู่ในสังคมก็อาจมีคนที่ตกเป็นเหยื่ออีกหนึ่งคน สองคน หรือสามคนหรืออาจมากกว่านั้น
"แต่ถ้าผมเป็น ตำรวจ ปคบ.แล้วปล่อยให้มีผลิตภัณฑ์อันตราย เช่นอาหารเสริมลดความอ้วนที่ใส่สารต้องห้ามที่มีฤทธิ์รุนแรงสักหนึ่งผลิตภัณฑ์ออกไปสู่ตลาด ที่มีผู้บริโภคเป็นล้านๆ คน อาจทำให้มีคนตายเป็นร้อย หรือสะสมเพื่อป่วยและตายในวันข้างหน้าอีกเป็นพันก็เป็นได้.... "
ตำแหน่ง "ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดชลบุรี" รับผิดชอบดูแลด้านไหนบ้าง
ต้องเรียนให้ทราบก่อนว่า ตม.จว.ชลบุรี มีพื้นที่รับผิดชอบจังหวัดชลบุรี ๔,๓๖๓ ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยประมาณ ๑๖๐ กิโลเมตร และมีเกาะสำคัญ ๔๖ เกาะ รับผิดชอบ ๑๑ อำเภอ ประชากร ๑.๔๕ ล้านคน และประชากรแฝงประมาณ ๑.๔ ล้านคน และสถิติจากกรมการท่องเที่ยวปี ๒๕๕๘ พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีประมาณ ๗ ล้านคน ใช้จ่ายรวมกันประมาณ ๓ หมื่นล้านบาทเศษ และเชื่อว่าในปี ๒๕๕๙ และ ปี ๒๕๖๐ มีสถิติที่สูงขึ้นครับ
พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ ให้อำนาจเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองในการควบคุมคนต่างด้าวตั้งแต่การเข้าเมือง, การพำนักอยู่ในราชอาณาจักรตามที่ได้แจ้งไว้ต่อเจ้าพนักงาน, การแจ้งการเข้าพักของคนต่างด้าวโดยเจ้าบ้านที่พักอาศัย, การพิจารณาคำขออนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร, การรายงานตัวทุก ๙๐ วันต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง (หากได้รับอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรระยะยาว) เพื่อยืนยันว่าอยู่ตามวัตถุประสงค์แห่งการได้รับอนุญาต, การผลักดันและส่งกลับคนต่างด้าวที่ถูกเพิกถอนการอนุญาต หรือถูกจับกุมเมื่อการอนุญาตสิ้นสุด ตม.จว.ชลบุรี เราก็มีหน้างานครบทุกกระบวนการตามที่กฎหมายได้ให้อำนาจไว้ครับ
...
วิธีจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ในนิคมอุตสาหกรรม จ.ชลบุรี
ในจังหวัดชลบุรี มีนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด ๙ แห่ง และที่กำลังพัฒนาอีก ๖ แห่ง (ข้อมูลจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับอนุญาตประมาณ ๕ พันโรง และมีแรงงานต่างด้าว ๓ สัญชาติที่ขึ้นทะเบียนกับจัดหางานจังหวัด จำนวนเกือบ ๗ หมื่นคน เป็นแรงงานสัญชาติกัมพูชามากกว่าครึ่ง ดังนั้นเมื่อเรามีข้อมูลแรงงานต่างด้าวโดยละเอียดแล้ว
การที่เราจะจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวนั้น ก็อย่างที่เรียนไว้นะครับว่ากฎหมายท่านให้อำนาจเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองในการควบคุมกำกับดูแลคนต่างด้าวไว้ครบถ้วน ที่เหลือคงเป็นหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และทั้งนี้คงต้องพูดคุยขอความร่วมมือกับทางผู้ประกอบการนายจ้างให้ช่วยดำเนินการจัดระเบียบที่พักอาศัย และจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคอันเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้แก่พวกเค้าอีกส่วนหนึ่งครับ เพื่อที่พวกเค้าจะได้พักอาศัยและดำรงชีวิตในโซนพื้นที่ตามที่นายจ้างจัดไว้ให้และสะดวกต่อการตรวจสอบโดยเจ้าพนักงานครับ
...
วิธีลดจำนวนแรงงานต่างด้าวเถื่อนในเขตพื้นที่
รัฐบาลโดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอออกกฎหมาย พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560โดยกำหนดบทลงโทษสูงขึ้น โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มิ.ย.2560 แต่มีคำสั่ง คสช.ที่ 33/2560 ลง 4 ก.ค.60 เลื่อนการบังคับใช้เฉพาะในมาตรา 101 102 119 122 ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.61 เนื่องจากบทลงโทษในมาตราดังกล่าวมีโทษปรับในอัตราที่สูงมาก จึงต้องมีการให้โอกาสทั้งนายจ้างและแรงงานได้มีเวลาในการเตรียมตัวเสียก่อน
เมื่อกฎหมายบังคับใช้จริงๆ แล้ว น่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่อยากจะจ้างแรงงานต่างด้าวเถื่อนเพราะเสี่ยงต่อการต้องโทษตามกฎหมาย และอีกประการหนึ่ง ทางกระทรวงแรงงานก็ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตทำงานและการอนุญาตให้ทำงานฯ เนื้อหาคือการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถนำแรงงานต่างด้าวที่ทำงานกับตนแบบผิดกฎหมาย มายื่นคำขออนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมายได้จนถึงสิ้นปีนี้ครับ ซึ่งก็น่าเชื่อว่าจะทำให้แรงงานต่างด้าวเถื่อนลดจำนวนลงได้ แต่จะมีผลต่อด้านเศรษฐกิจ สังคมในด้านอื่นๆ หรือไม่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
...
มองสังคมตำรวจยุคปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อ 20 ปีก่อน
ในความเห็นผม... ตำรวจในยุคปัจจุบันต่างจากตำรวจเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว ในด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีการพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่ง ตร.ก็ต้องเรียนรู้ในการที่จะนำมาปรับใช้ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนในเรื่องที่ไม่ต่างกับ 20 ปีก่อนก็คือตำรวจเรามีทั้งตำรวจที่ดี และตำรวจที่ไม่ดี เพียงแต่ในยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น มีช่องทางการสื่อสารของประชาชนมากขึ้น มีอุปกรณ์ในการตรวจสอบมากขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์ต่างๆ ของตำรวจทั้งด้านดี (น้อยหน่อยเพราะยังอ่อนการประชาสัมพันธ์) และด้านไม่ดี (เยอะหน่อย เพราะตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายที่ใก้ลชิดประชาชน จึงถูกจับตาอย่างมาก) ปรากฏให้สังคมได้เห็นตามสื่อสังคมออนไลน์ดังที่เห็นครับ
" ดังพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ .....ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครทำทุกคนให้เป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงไม่ใช่อยู่ที่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมคนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ... ดังนั้นหากเราสามารถปฏิบัติตามได้ โดยให้ตำรวจที่ดีควบคุมตำรวจที่ไม่ดีไม่ให้ก่อความเดือดร้อน หรือกำกับดูแลตำรวจที่ไม่ดีให้กลายเป็นคนดีได้ สังคมก็จะได้รับผลที่ดีตามไปเช่นกันครับ และผมก็เชื่อว่าสังคมในทุกๆ องค์กรก็เป็นเช่นเดียวกันครับ"
ตำรวจไม่ต้องปฏิรูปอะไรเลย แค่ประชาชนรักษากฎหมาย
จริงๆ แล้วเราจะไม่ต้องปฏิรูปอะไรเลยนะครับ ถ้าทุกคนเคารพกฎหมาย ประชาชนจะไม่กระทำผิดกฎหมาย ก็จะไม่มีใครต้องกลัวตำรวจ เพราะตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ถ้าตำรวจไม่ต้องบังคับใช้กฎหมายกับใคร ไม่ต้องไล่จับใคร ประชาชนก็คงจะรักตำรวจ แต่ในความเป็นจริงก็คงเป็นไปไม่ได้
ถ้าเสนอได้ในส่วนที่อยากจะให้รัฐบาลพิจารณา คือการแทรกแซงตำรวจของฝ่ายการเมืองซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัยถ้ามันหมดไปได้ก็คงดี แต่ถ้ายังเป็นไปไม่ได้เนื่องจากทุกรัฐบาลก็ต้องใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลมีความมั่นคง ก็คงขอให้สนับสนุนงบประมาณสำหรับค่าครองชีพและสวัสดิการในการทำงานของข้าราชการตำรวจให้เพียงพอมั้งครับ ซึ่งหากตำรวจได้รับการจัดสรรความเป็นอยู่ที่ดีตามสมควรแล้ว กิเลสในความอยากได้อยากมีก็คงจะน้อยลง ภาพลักษณ์ในสายตาประชาชนก็คงดีขึ้น
ยึดแนวทำงานตามแบบตำรวจ 2 ท่านนี้
คนแรก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาท่านตั้งแต่สมัยผมเป็น รองสารวัตรกองปราบปราม และท่านเป็นรองผู้การ เห็นมาตั้งแต่ตอนนั้นว่าท่านมีอะไรพิเศษ เป็นคนเก่งในทุกด้าน สนองนโยบายผู้คับบัญชาได้อย่างดี แต่ที่จำได้ดีที่สุดคือ "เอ็งไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดในทุกเรื่อง มันเป็นไปไม่ได้ แต่ขอให้รู้งานในภาพรวมให้ดี บริหารคนให้เป็น ลูกน้องเก่งๆ ในด้านไหนมองให้ออกและใช้ให้ถูกกับงาน ไม่อิจฉาริษยาลูกน้อง คนเก่งคนดีต้องสนับสนุน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ยุติธรรมและมีคุณธรรม ความเจริญก้าวหน้าก็จะมาหาเอง"..... นี่แหละครับที่ท่านสอน และผมก็นำมาใช้ในการทำงานทุกวันนี้
ส่วนคนที่ 2 คือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.บก.สปพ. รู้จักท่านมาสมัยเป็นรอง สว.ผ.1กก.2 ป.เช่นกัน ตอนนั้นท่านเป็นสารวัตรทางหลวงชลบุรี (ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.) มีโอกาสทำงานร่วมกันและเห็นอะไรที่พิเศษในตัวท่าน ต่อมาผมได้มีโอกาสไปเป็นสารวัตรทางหลวงชลบุรี อีกสามปีต่อจากท่านได้รับมรดกอันยอดเยี่ยมของหน่วยที่ท่านพัฒนาไว้ รวมถึงศักยภาพและวินัยของตำรวจที่ท่านฝึกอบรมไว้เป็นอย่างดี ลูกน้องมักจะพูดถึงท่านในทำนองว่าท่านดุมาก แต่ท่านเก่งงานทุกด้าน
แนวทางการปกครองลูกน้อง
ผมปกครองลูกน้องด้วยความยุติธรรม และคุณธรรม โดยเราต้องเป็นทั้ง boss และ leader คือ สั่งการเมื่อจำเป็น ทำให้ลูกน้องเห็นในบางกรณี...
ที่ผ่านมาผมพยายามดูแลสวัสดิการของผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด สิทธิสวัสดิการพึงมีพึงได้ของลูกน้อง ต้องได้ไม่มีเบียดบัง ถ้าลูกน้องยังลำบากอยู่ คงยากที่เขาจะมีแรงกายแรงใจทำงานช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างเต็มที่ ทำงานดีต้องชมเชย มีรางวัลให้เค้า ขวัญและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ถ้าทำผิดก็ต้องลงโทษ ผมไม่ชอบดุด่าลูกน้องโดยใช้อารมณ์ จะพูดคุยกันตั้งแต่ต้นว่าอะไรควรทำ อะไรห้ามทำ... ถ้านอกกรอบที่กำหนดโดยตั้งใจ เตือนครั้งสองครั้งไม่เชื่อก็ถือว่าทำงานด้วยกันต่อไปไม่ได้ ผมไม่ใช่คนโหดร้าย แต่อะไรที่ต้องเด็ดขาดก็ต้องเด็ดขาด
น้องสาวเป็นดาราทั้งคู่ นามสกุลสิริสุขะ ทำให้เราดังตามน้องด้วย
ก็มีส่วนนะครับ ตอนนั้นน้องก็ค่อนข้างดังแบบแพ็กคู่ นามสกุลเราเลยเป็นที่รู้จักของคนหลายสาขาอาชีพ เพราะเค้าดูละครช่อง 3 กัน ตอนนั้นผมภูมินะครับ สมัยเค้าเด็ก ผมมีเป็นห่วงบ้าง เพราะน้องสาวสวยทั้งคู่ และทำงานในวงการบันเทิงทั้งคู่ แต่พอโตขึ้นก็หายห่วง เพราะน้องๆ เป็นเด็กดี วางตัวดี ไม่เคยทำให้ที่บ้านต้องไม่สบายใจ
สุดท้ายนี้ ผู้กำกับทรงโปรด บอกเราด้วยว่า
"ผมไม่ได้คิดว่าเราเป็นตำรวจไฟแรงที่มีความเจริญก้าวหน้าอะไรมากมาย และไม่ได้วางแผนอนาคตอะไรไกลๆ ว่าจะต้องได้เป็นตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้อะไรแบบนั้น ผมอยู่กับปัจจุบันตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แบบที่ท่านพุทธทาสท่านกล่าวไว้ว่า ถ้าวันนี้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้ วันนี้ผมตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแค่นั้น อนาคตมันจะออกมาเป็นยังไงก็สุดแล้วแต่ครับ"
"Police community"