ขนส่งทางบกประสานผู้ประกอบรถโดยสารไม่ประจำทางจัดหารถเสริมรองรับประชาชนเดินทางกลับบ้าน พร้อมลงพื้นที่ตรวจเข้มรถโดยสารสาธารณะและผู้ขับรถระหว่างเส้นทาง ตลอด 24 ชั่วโมง

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 กรมการขนส่งทางบกเตรียมความพร้อมและมาตรการดูแลพี่น้องประชาชนรองรับการเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ให้ได้รับความสะดวกสบายและเดินทางถึงที่หมายโดยปลอดภัย มีความมุ่งมั่นลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดย อุบัติเหตุ ต้องเป็น “ศูนย์” ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม สำหรับการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ กรมการขนส่งทางบกกำชับไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศให้ดำเนินการอำนวยความสะดวกประชาชน โดยจัดหารถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทางให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชนและตรวจสอบให้มีความปลอดภัย ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ

พร้อมจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะชั่วคราว ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารถูกเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ จัดระเบียบภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้งด้านการรักษาความสะอาด การติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างภายในชานชาลาให้เพียงพอ รวมทั้งตรวจสอบการทำงานของกล้อง CCTV ให้สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการ จัดระเบียบการเดินรถและการจราจรเข้า – ออก ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งในเขตกรุงเทพมหานครและสถานีขนส่งผู้โดยสารในพื้นที่ต่างจังหวัด รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทาง และลดความหนาแน่นในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารและสถานีรถไฟ

...

อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนเทศกาล กรมการขนส่งทางบกจะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจความพร้อม ณ สถานประกอบการ ของผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อตรวจความพร้อมของตัวรถและความพร้อมของผู้ขับรถก่อนนำรถออกให้บริการตามแบบ Checklist เช่น ตัวรถต้องมีความสมบูรณ์มั่นคงแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก มีการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยครบถ้วน ได้แก่ การติดตั้งเข็มขัดนิรภัยครบทุกที่นั่งและสามารถใช้งานได้ ตำแหน่งการติดตั้งที่นั่งต้องไม่กีดขวางประตูฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ผู้ขับรถมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง ตรวจความพร้อมด้านร่างกายและการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ เป็นต้น รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าหลีกเลี่ยงการใช้งานรถบรรทุก ในช่วงเทศกาลฯ เพื่อบรรเทาปัญหาด้านการจราจรและป้องกันอุบัติเหตุ หากมีความจำเป็นต้องใช้รถ กำชับให้ผู้ประกอบการ และคนขับรถต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยของกรมการขนส่งทางบกอย่างเคร่งครัด

และในช่วงระหว่างเทศกาล ตรวจเข้มความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถแบบ 100% ตาม Checklist ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดรถจำนวน 176 แห่ง จุด Checking Point 28 แห่ง และจุด Rest Area 15 แห่ง รวมทั้งสิ้น 219 แห่ง ทั่วประเทศ กำกับ ดูแลตรวจสอบความเร็วสถานะการเดินทางของรถทุกคันผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชัน DLT GPS Notice แจ้งเตือนพนักงานขับรถเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ

พร้อมกำชับผู้ประกอบการและ TSM ให้บริหารจัดการขนส่งให้มีความปลอดภัย และรายงานการตรวจความพร้อมของตัวรถและพนักงานขับรถก่อนออกเดินทางผ่านระบบ “เช็กชัวร์ ready to go” นอกจากนี้ เน้นย้ำให้พนักงานขับรถต้องปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องชั่วโมงการทำงานอย่างเคร่งครัด หากขับรถติดต่อกันเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ต้องหยุดพักจากการขับรถเป็นเวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะขับรถต่อไปอีกไม่เกิน 4 ชั่วโมง ในกรณีรถโดยสารไม่ประจำทางที่มีแผนการเดินทางเกิน 400 กิโลเมตร ขึ้นไปที่ใช้รถต่อเนื่อง ให้ผู้ประกอบการต้องจัดให้มีพนักงานขับรถ 2 คน เพื่อสับเปลี่ยนทุก 4 ชั่วโมง รวมถึงต้องนำรถเข้าจุด Checking Point เพื่อตรวจความพร้อมของตัวรถเพื่อความปลอดภัยโดยเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า กรมการขนส่งทางบกได้บูรณาการกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและสถานศึกษาในเขตพื้นที่เพื่อร่วมกันจัดตั้งจุดบริการร่วม “อาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน : เทศกาลปีใหม่ 2569” จำนวน 150 จุด ทั่วประเทศ ให้บริการตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัย

ให้ความช่วยเหลือผู้เดินทางกรณีฉุกเฉิน บริการรถยก (บางพื้นที่) บริการนวดผ่อนคลาย บริการผ้าเย็น น้ำดื่ม ข้อมูลเส้นทางแหล่งท่องเที่ยว และรายชื่ออู่รถที่เปิดให้บริการ เป็นต้น ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกเตือน!! ผู้ประกอบการและพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะและรถขนส่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รวมทั้งกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกอย่างเคร่งครัดในการให้บริการประชาชน หากฝ่าฝืนจะดำเนินการลงโทษสูงสุดทุกราย

...


อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม