สนค.เผย ส่งออก 11 เดือนโตแล้ว 12.6% มูลค่า 3.1 แสนล้านเหรียญ หรือทะลุ 10.2 ล้านล้านบาท อานิสงส์วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ดันสินค้าอุตสาหกรรมโตแรง และตลาดสหรัฐฯ พุ่งกระฉูด 37.9% แต่สินค้าเกษตรหด จากบาทแข็งค่า ภัยธรรมชาติ คาดทั้งปี 68 โต 11.6-12.1% มูลค่าเฉียด 11 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 69 คาดชะลอลงเหลือโต ติดลบ 3.3% ถึงบวก 1.1%
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือนพ.ย.68 การส่งออกมีมูลค่า 27,445.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 890,204 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ที่ 7.1% เทียบกับเดือนพ.ย.67 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยออก ขยายตัวได้สูงถึง 11.8% ส่วนนำเข้า 30,172.5 ล้านเหรียญฯ หรือ 991,244 ล้านบาท ขยายตัว 17.6% และขาดดุลการค้า 2,726.9 ล้านเหรียญฯ หรือ 101,040 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 68 การส่งออกมีมูลค่า 310,706.6 ล้านเหรียญฯ หรือ 10.207 ล้านล้านบาท ขยายตัว 12.6% เทียบช่วงเดียวกันของปี 67 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว ถ้าหักทองคำ น้ำมัน ยุทธปัจจัยออก ขยายตัวได้ถึง 13.7% การนำเข้า 315,662.5 ล้านเหรียญฯ หรือ 10.493 ล้านล้านบาท ขยายตัว 12.4% ขาดดุลการค้า 4,956.0 ล้านเหรียญฯ หรือ 86,753 ล้านบาท
...
“การส่งออกยังคงได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตามวัฏจักรขาขึ้นของคอมพิวเตอร์ และการเติบโตของเทคโนโลยีสมัยใหม่ AI ส่งผลให้ภาพรวมของสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังคงสร้างความไม่แน่นอนต่อการค้าในระยะข้างหน้า ด้วยสัญญาณการชะลอตัวของตลาดสำคัญ เช่น จีน ญี่ปุ่น ซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยยังคงอยู่ในภาวะหดตัวจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่า ที่ฉุดการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร”
สำหรับการส่งออกเดือนพ.ย.68 ที่ขยายตัว 7.1% นั้น มาจากการขยายตัวของสินค้าอุตสาหกรรม 12.2% ขยายตัวต่อเนื่อง 20 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ), เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า ฯลฯ และสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 9.5% จากการลดลงของข้าว ยางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง เป็นต้น
ส่วนตลาดส่งออก ส่วนใหญ่ชะลอตัว โดยจีน หดตัว 7.8% หดตัวครั้งแรกในรอบ 14 เดือน, ญี่ปุ่น หดตัว 8.9% ครั้งแรกในรอบ 3 เดือน, ซีแอลเอ็มวี หดตัว 18% แต่สหรัฐฯ ยังขยายตัว 37.9% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 26, สหภาพยุโรป ขยายตัว 12% เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เดือนพ.ย.68 ไทยยังคงขาดดุลการค้าจีนอย่างต่อเนื่องที่ 6,666 ล้านเหรียญฯ และช่วง 11 เดือน ขาดดุล 60,646 ล้านเหรียญฯ ขณะที่สหรัฐฯ ไทยยังคงได้ดุลต่อเนื่องเช่นกัน เดือนพ.ย.68 ได้ดุล 4,716 ล้านเหรียญฯ และช่วง 11 เดือน ได้ดุล 46,265 ล้านเหรียญฯ
นายนันทพงษ์ กล่าวต่อถึงแนวโน้มการส่งออกเดือนธ.ค.68 ว่า หากปัจจัยเสี่ยงแย่ลง ทั้งสงครามการค้า ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้เดือนธ.ค. มีมูลค่าส่งออกที่ 25,000 ล้านเหรียญฯ และทำให้ทั้งปี 68 มีมูลค่าส่งออก 335,707 ล้านเหรียญฯ หรือ 10.74 ล้านล้านบาท ขยายตัวได้ 11.6% แต่หากเดือนธ.ค. สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น คาดจะได้มูลค่า 26,500 ล้านเหรียญฯ และทั้งปีจะมีมูลค่า 337,207 ล้านเหรียญฯ หรือ 10.79 ล้านล้านบาท ขยายตัวถึง 12.1%
...
ขณะที่ปี 69 สนค.คาดการณ์การส่งออกไว้ที่ ติดลบ 3.3% ถึงขยายตัว 1.1% ภายใต้ผลของมาตรการภาษีสหรัฐฯ เริ่มชัดเจนขึ้น ปัญหาด้านราคาและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลต่อขีดความสามารถทางการแข่งขัน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ และปัญหาสภาพอากาศรุนแรงจะส่งผลต่อสินค้าเกษตร อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะมุ่งเน้นการเร่งเจรจาความตกลงภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯ ให้เสร็จสิ้น พร้อมกับเพิ่มความเข้มงวดเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้า กวาดล้างธุรกิจนอมินี และเดินหน้าเจรจาและผลักดันการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) สร้างแต้มต่อทางการค้า และร่วมมือกับภาคเอกชนผลักดันเป้าหมายการส่งออกให้เติบโตท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนที่ยังมีต่อเนื่องในปีหน้า
...
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม