“ศุภจี” เผยแคนดิเดตนายกฯภูมิใจไทย ขอคิดทบทวนให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน เพราะเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก และส่งผลต่อทิศทางประเทศ ย้ำถ้าตัดสินใจแล้ว ต้องเป็นประโยชน์เพิ่มเติมกับประเทศ แต่สุดท้ายให้รอฟังนายกฯ
ที่กระทรวงพาณิชย์ เวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 18 ธ.ค.68 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวการได้รับการทาบทามให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการพูดคุยและตัดสินใจ ซึ่งจำเป็นต้องหารือร่วมกับครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวมีความสำคัญสูง และส่งผลกระทบต่อทิศทางของประเทศ
“หน้าที่ที่ได้รับการทาบทามเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของประเทศชาติ จึงต้องพิจารณาในทุกมิติ ทั้งข้อดีและข้อเสียต่อส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะของตัวเอง เมื่อมีความชัดเจนแล้วจะแจ้งให้ทราบ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องรอนายกรัฐมนตรีประกาศความชัดเจน”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องหารือกับครอบครัวก่อนหรือไม่ นางศุภจี กล่าวว่า ต้องคุยกับทุกคน เพราะจะเป็นการทำงานที่เกินระยะเวลา 4 เดือนที่ตกลงไว้กับครอบครัวตั้งแต่แรก เนื่องจากในตอนแรก จะมารับตำแหน่งเพียง 4 เดือนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การรับตำแหน่งรมว.พาณิชย์ ครอบครัวสนับสนุนดี และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ครอบครัวก็มีความสุขดี เพราะสิ่งที่ทำ ได้ผลประโยชน์กลับไปให้กับประชาชน และประเทศ
ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทย จะประกาศรายชื่อแคนดิเดตในวันเสาร์ที่ 20 ธ.ค.นี้นั้น นางศุภจี กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องมีการคุยรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน โดยตนเองไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการเมือง แต่มีความตั้งใจในการเข้ามาทำงานเป็นหลัก และต้องมั่นใจว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นประโยชน์เพิ่มเติมต่อประเทศชาติ
...
“ตอนนี้ ยังทำหน้าที่เป็นรมว.พาณิชย์ และพยายามทำงานสนับสนุนรัฐบาลทุกเรื่อง แม้ยุบสภาไปแล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการก็ยังทำงานไม่หยุด และทำมากขึ้นเดิมด้วยซ้ำ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ เราต้องทำงานให้เต็มที่”
นางศุภจี กล่าวต่อถึงการประชุม ครม. นัดพิเศษ ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้ประชุมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ โดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้สนับสนุนข้อมูลด้านการส่งออก เพื่อประกอบการพิจารณาใช้กลไกทางการเงินในการดูแลผู้ประกอบการและรักษาเสถียรภาพทางการค้า
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม