กรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 68 สินค้าข้าว GI สร้างรายได้รวมกว่า 8 พันล้านบาท สร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนกว่า 6 แสนครัวเรือน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ไทยมีสินค้าข้าวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แล้วทั้งสิ้น 24 รายการ คิดเป็น 10% ของจำนวนสินค้า GI ไทยทั้งหมดที่ 224 รายการ ซึ่งในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 68 สร้างรายได้รวมกว่า 8,190 ล้านบาท ของรายได้สินค้า GI ทั้งหมดที่ 114,331 ล้านบาท สร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนกว่า 600,000 ครัวเรือน โดยข้าวไทย GI ที่สร้างมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ข้าวหอมมะลิพะเยา สร้างมูลค่ากว่า 6,156 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของรายได้สินค้า GI ในกลุ่มข้าว โดยหลังเป็น GI ราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 120 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เพิ่มขึ้นกว่า 3.4 เท่า จากราคาก่อนเป็น GI ที่ 35 บาทต่อกก.

...

อันดับ 2 ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จาก 5 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และสุรินทร์ สร้างมูลค่ากว่า 1,682 ล้านบาท ราคาขายปลีกเฉลี่ย 50 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นกว่า 1.5 เท่า จากราคาเดิม 33 บาทต่อกก., อันดับ 3 ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี กว่า 211 ล้านบาท ราคาขายปลีกเฉลี่ย 60 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นกว่า 1.7 เท่า จากราคาเดิม 35 บาทต่อกก., อันดับ 4 ข้าวก่ำล้านนา จาก 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แพร่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน กว่า 34.04 ล้านบาท

ขณะที่อันดับ 5 ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ กว่า 30.72 ล้านบาท, อันดับ 6 ข้าวเบายอดม่วงตรัง กว่า 14 ล้านบาท, อันดับ 7 ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ กว่า 13.38 ล้านบาท, อันดับ 8 ข้าวหอมปทุมธานี กว่า 10.81 ล้านบาท, อันดับ 9 ข้าวหอมใบเตยนครสวรรค์ กว่า 10.34 ล้านบาท และอันดับ 10 ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ สระบุรี กว่า 9 ล้านบาท

“ความโดดเด่นของข้าว GI อยู่ที่คุณภาพที่สะท้อนอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น วิธีการปลูก ภูมิปัญญาท้องถิ่น และองค์ความรู้ดั้งเดิมของเกษตรกร สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยผลักดันให้ข้าวไทยก้าวสู่ตลาดสินค้าพรีเมียมระดับโลก แต่ยังเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าข้าวไทยมีคุณภาพดีและมีแหล่งที่มาชัดเจน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้อย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากนี้ ยังมีข้าว GI อื่นๆ อีก เช่น ข้าวไร่หอมหัวบอนกระบี่ ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี เป็นต้น”

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา

นางอรมน กล่าวต่อว่า ความสำเร็จของข้าว GI ไทย เกิดจากกลไกขับเคลื่อนสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การขึ้นทะเบียนคุ้มครองทั้งในและต่างประเทศ และการรับรองคุณภาพผ่านการอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ GI เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค, การพัฒนาและผลักดันข้าวพรีเมียมถิ่นไทย เช่น ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ ฯลฯ สู่ตลาดที่มีกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศ และการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งการพัฒนาเมนูอาหารไทยร่วมสมัยในร้านอาหารมิชลินและสถาบันสอนทำอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต, การเชื่อมโยงแหล่งปลูกข้าว GI เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและนวัตวิถี ตลอดจนการพัฒนาแบรนด์และบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย แต่ยังคงสะท้อนอัตลักษณ์ของแหล่งผลิตได้อย่างโดดเด่น.

...

อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม