สำนักงานประกันสังคมเดินหน้ายกระดับกลไกคุ้มครองแรงงานผ่านกองทุนเงินทดแทน ย้ำเพื่อให้แรงงานทุกคนมีหลักประกันเมื่อได้รับอันตราย หรือ บาดเจ็บ จากการทำงาน
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า เพื่อให้แรงงานทุกคนมีหลักประกันเมื่อประสบอันตราย หรือ เจ็บป่วย เนื่องจากการทำงาน กองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคมจึงให้ความคุ้มครองและให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้างอย่างทั่วถึงตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 เนื่องจากตระหนักดีว่า ความปลอดภัยของลูกจ้าง คือ หัวใจสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม เพื่อให้แรงงานทุกคนมีหลักประกันเมื่อประสบอันตราย หรือ เจ็บป่วย เนื่องจากการทำงาน
สำหรับกองทุนเงินทดแทนถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ประสบอันตราย หรือ เจ็บป่วย เนื่องจากการทำงานโดยให้นายจ้าง หรือ เจ้าของสถานประกอบการ เป็นผู้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเพียงฝ่ายเดียว ตัวอย่างการคำนวณ เช่น 240,000 บาท (ฐานเงินค่าจ้างที่กำหนดไว้) 0.2-1.0% (อัตราเงินสมทบของแต่ละประเภทกิจการ) = 240,000 X 0.2% = 480 บาท ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าว เป็นอัตราเงินสมทบตามมาตรา 1 ท้ายประกาศกระทรวงฯ เป็นอัตราเงินสมทบที่เหมาะสมกับงานลักษณะงานเสี่ยงภัยในการทำงานของแต่ละกิจการ โดยมีอัตราตั้งแต่ 0.20 – 1.00 และใช้ตั้งแต่นายจ้างเริ่มขึ้นทะเบียนจนครบ 4 ปี ปฏิทินการจัดเก็บเงินสมทบจะเรียกเก็บเป็นรายปี โดยคำนวณจากค่าจ้างของลูกจ้างในรอบปี ไม่เกิน 240,000 บาท ต่อคนต่อปี คูณกับอัตราเงินสมทบของประเภทกิจการ กำหนดตามระดับความเสี่ยง ตั้งแต่ร้อยละ 0.2 ถึง 1.0 กิจการที่มีความเสี่ยงต่ำ จะมีอัตราเงินสมทบที่น้อยกว่า ในขณะที่กิจการที่มีความเสี่ยงสูง ก็จะมีอัตราที่สูงขึ้นตามโครงสร้างความปลอดภัยของงานแต่ละประเภท
...
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในสถานประกอบการอย่างจริงจัง กองทุนเงินทดแทนจึงได้พัฒนาคการคำนวณการจ่ายอัตราเงินสมทบตามค่าประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้นายจ้างดูแลสถานประกอบการให้เกิดความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องทั้งปี ระบบนี้ ทำหน้าที่เหมือนกับรางวัลแห่งความปลอดภัย สำหรับสถานประกอบการที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือ มีสถิติการเกิดเหตุน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเมื่อสถานประกอบการจ่ายเงินสมทบตามอัตราหลักครบ 4 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป สำนักงานประกันสังคมจะนำข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานมาคำนวณ อัตราส่วนการสูญเสียและใช้เป็นเกณฑ์ปรับลด หรือ ปรับเพิ่มเงินสมทบตามค่าประสบการณ์ ถ้านายจ้างบริหารจัดการความปลอดภัยได้ดี ลูกจ้างทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ไม่มีการสูญเสียในสถานประกอบการ นายจ้างก็จะได้รับสิทธิในการลดอัตราเงินสมทบลง ถือเป็นแรงจูงใจที่เชื่อมโยงทั้งความปลอดภัยและประโยชน์แรงงาน อย่างไรก็ตาม กองทุนเงินทดแทนไม่ได้เป็นเพียงเป็นกลไกคุ้มครองแรงงาน แต่ยังเป็นช่วยยกระดับความปลอดภัยของสถานประกอบการทั่วประเทศ สร้างมาตรฐานการทำงานที่ดีขึ้น ลดการสูญเสีย ลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงให้แรงงานไทยในระยะยาวต่อไป