ประกันสังคมแจงรายละเอียดการปรับเพดานค่าจ้างจะมี 3 ระยะ ระหว่างปี 2569-2575 กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุดและการคิดเงินสมทบ ย้ำเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนรอบด้าน
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมและนางนิยดา เสนีย์มโนมัย รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ปฏิบัติหน้าที่โฆษกสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยรองโฆษกสำนักงานประกันสังคมและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวโดยระบุคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2568 อนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ... โดยร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แต่ละคนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนเพิ่มขึ้นตามฐานค่าจ้างในการคำนวณเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาระบบประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านรายได้และเพิ่มสิทธิประโยชน์ในส่วนของเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีต่างๆ ให้แก่ผู้ประกันตนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร ตาย ชราภาพและว่างงาน
ทั้งนี้ การปรับเพดานค่าจ้างในครั้งนี้ จะดำเนินการเป็น 3 ระยะ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและลดผลกระทบต่อผู้ประกันตนและนายจ้าง แบ่งออกเป็น ระยะที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2569–2571 กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 17,500 บาท คิดเป็นเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน ระยะที่ 2 ระหว่างปี พ.ศ. 2572–2574 กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 20,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน และระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2575 เป็นต้นไป กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 23,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน
...
สำหรับการปรับเพดานค่าจ้างจะส่งผลให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในหลายกรณี ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน ครอบคลุมตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต หากคำนวณประโยชน์ทดแทนการขาดรายได้ในกรณีต่างๆ ที่มีการปรับเพดานค่าจ้างเป็น 17,500 บาท เงินทดแทนกรณีต่างๆ ที่ผู้ประกันตนได้รับเพิ่มขึ้น เช่น เงินทดแทนกรณีว่างงานที่สามารถรับได้สูงสุด 7,500 บาทต่อเดือน จะปรับเพิ่มเป็น 8,750 บาทต่อเดือน เงินสงเคราะห์การหยุดงานในการคลอดบุตร เพิ่มจาก 22,500 บาท เป็น 26,250 บาทต่อครั้ง เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิตเมื่อส่งเงินสมทบ 10 ปีขึ้นไป เพิ่มจาก 90,000 บาท เป็น 105,000 บาท และเงินบำนาญชราภาพ ซึ่งในกรณีส่งเงินสมทบครบ 15 ปี จะเพิ่มจาก 3,000 บาท เป็น 3,500 บาทต่อเดือน และในกรณีส่งครบ 25 ปี จะเพิ่มจาก 5,250 บาท เป็น 6,125 บาทต่อเดือน
นางสาวกาญจนา กล่าวว่า ผู้ประกันตนที่ค่าจ้างต่ำกว่า 15,000 บาท ไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นจากการปรับเพดานค่าจ้างในครั้งนี้ ยังคงนำส่งเงินสมทบ 5% ของค่าจ้างตามปกติ การปรับเพดานค่าจ้างเป็นการยกระดับหลักประกันด้านรายได้ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและระดับค่าจ้างในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์อย่างเหมาะสม เป็นธรรม การจ่ายเงินสมทบที่เพิ่มขึ้นของนายจ้างและรัฐบาลถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะทำให้ลูกจ้างมีหลักประกันความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดี ส่วนผลดีต่อการเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้กับประเทศในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานประกันสังคมจะเร่งดำเนินการเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในร่างกฎกระทรวงและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 ต่อไป