นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการติดตามผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เบื้องต้นประเมินว่า เหตุการณ์การปะทะที่เกิดครั้งล่าสุดนี้ จะไม่ส่งผลกระทบด้านการค้าชายแดนที่มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาไปแล้ว ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ลดลงต่อเนื่อง

โดยหลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยจะเข้าไปช่วยด้านการนำสินค้าจากผู้ผลิตใน 7 จังหวัดชายแดน มาจัดจำหน่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่พร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมของกระทรวงพาณิชย์ เช่น มหกรรมท้องฟ้า ในภาคอื่นๆ

ขณะที่การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ลงทุนในกัมพูชา เบื้องต้นเท่าที่ทราบ ทางกระทรวงการคลังได้มาตรการช่วยเหลือ เช่น สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง, การโอนย้ายเครื่องจักร เครื่องมือ โดยไม่เสียภาษี ไว้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการแล้ว

...

สำหรับความกังวลว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาอาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาหรือไม่นั้น โดยส่วนตัว “ไม่กังวล” เพราะมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายผิด และไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยไทยจะยังดำเนินการเจรจาต่อไปในช่องทางต่างๆ แม้ว่าสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐจะส่งหนังสือมาระงับการเจรจาชั่วคราวไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์ความขัดแย้งจะยุติลง ซึ่งทางทีมไทยแลนด์ได้ส่งหนังสือยืนยันว่ายังมีความประสงค์ที่จะเจรจาต่ออยู่ ทั้งนี้เมื่อยังไม่ได้ข้อสรุปและเซ็นข้อตกลง ก็ถือว่าไทยก็ยังคงมีความยืดหยุ่นทางการค้า ผลกระทบเพียงอย่างเดียวที่ไทย ได้รับในขณะนี้คือ “ความไม่แน่นอน” ต้องจับตาสถานการณ์หลังจากนี้ต่อไป

“เราก็ยืนยันที่จะเดินหน้าต่อในการเจรจา มีความกังวลไหม ยืนยันไม่มีความกังวล เพราะว่าเราไม่ได้ผิดและเราก็ยังดำเนินหน้าที่ในการเจรจาต่อไป” นางศุภจีกล่าว

ในส่วนของเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะ ปิดการเจรจาสหรัฐฯ ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้นั้น ตอนนี้ไม่แน่ใจ ซึ่งเหตุการณ์การปะทะที่เกิดขึ้นก็ยังมีความไม่แน่นอน

“แต่อย่างไรก็แล้วแต่ในฐานะของดิฉันที่เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ยืนยันอย่างมั่นคงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ประเทศไทยเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ไทยมีการตอบโต้อย่างสมเหตุสมผล เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ดิฉันเชื่อว่าประเทศสหรัฐอเมริกาก็ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ไทยเป็นคนไปรุกราน”


อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม