นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางในการขนส่งและลดต้นทุนโลจิสติกส์ ว่า การหารือร่วมกับ สหพันธ์ฯ และสมาชิกทั้ง 13 สมาคม ที่ได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ทั้งสหพันธ์ฯ พร้อมที่จะขานรับนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยได้มีการส่งรถบรรทุกและถุงยังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังพี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อน

สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งในพื้นที่ภาคใต้ รัฐบาลจะมีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก เตรียมแผนฟื้นฟูเรื่องการสนับสนุนให้คำปรึกษาซ่อมแซมเครื่องมืออุปกรณ์ของรถที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และเจรจาส่วนลดในการซ่อมบำรุงกับทางผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถ

...

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในท่าเรือแหลมฉบัง กระทรวงคมนาคมยังคงเร่งแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด โดยทางสหพันธ์ฯ ได้มีการเสนอให้แบ่งพื้นที่บางส่วนในท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้รถหัวลากสามารถนำตู้คอนเทนเนอร์ลงเพื่อพักไว้ และรถหัวลากสามารถไปวิ่งงานอื่นได้ก่อนโดยไม่ต้องมาจอดรอภายในท่าเรือเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งเป็นแนวทางที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดได้ โดยในส่วนนี้จะต้องนำเรื่องให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย พิจารณาด้วยหากเป็นสิ่งที่สามารถทำให้การจราจรดีขึ้นคิดว่าสามารถดำเนินการตามที่สหพันธ์ฯ แนะนำได้

นายพิพัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของปัญหามาตรการจับกุมรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้มอบหมายให้ กรมการขนส่งทางบกบูรณาการร่วมกับกรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อวางมาตรฐานเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักรถบรรทุก และแนวทางการบังคับใช้กฎหมายสำหรับรถที่มีน้ำหนักเกิน ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งมอบนโยบายให้เร่งรัดเรื่องการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการอนุญาตให้รถเครนที่มีขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสม สามารถใช้ถนนทางหลวงได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2569

ด้านนายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทางสหพันธ์ฯได้เสนอขอให้กระทรวงคมนาคม และรัฐบาล ช่วยแก้ไขปัญหาธุรกิจนอมินีหรือนิติบุคคลนอมินีของประเทศอื่น ที่จะเข้าประกอบธุรกิจด้านการขนส่งในประเทศไทย เพื่อลดปัญหาการหลีกเลี่ยง หลบเลี่ยง ในกระบวนการจัดซื้อ การนำเข้า การลำเลียง และการส่งหรือกระจายสินค้า เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมในเรื่องดังกล่าว ทาง รมว. คมนาคม จึงได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก หารือกับสหพันธ์ฯ ถึงข้อกฎหมายและความเป็นไปได้ต่อไป เนื่องจาก สหพันธ์ฯ มีสมาชิกที่เป็นสมาคมด้านการขนส่งสินค้า และโลจิสติกส์ตั้งอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวม 13 สมาคม ถือเป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความร่วมมือ และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ รวมถึงเป็นตัวแทนผู้ประกอบการขนส่งในการเจรจากับภาครัฐ เพื่อสะท้อนปัญหาในเรื่องของกฎระเบียบ และนโยบายที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจด้านการขนส่ง โดยสหพันธ์ฯ พร้อมสนับสนุนกระทรวงคมนาคมอย่างเต็มที่ ในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของไทยให้มีประสิทธิภาพเพื่อยกระดับมาตรฐาน และความปลอดภัยการขนส่งทางถนน รวมถึงการร่วมตรวจสอบ และผลักดันให้ระบบการขนส่งมีความโปร่งใสและเป็นธรรม

...

“กระทรวงคมนาคม พร้อมรับฟังความคิดเห็น ปัญหา และข้อเสนอแนะจากสหพันธ์ฯ เพื่อร่วมกันการวางมาตรการ ส่งเสริม และพัฒนาอุตสาหกรรมภาคการขนส่งและโลจิสติกส์ของไทย ให้มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง โดยตระหนักถึงบทบาททั้งในฐานะผู้สนับสนุนและผู้กำกับดูแล ซึ่งภาครัฐมีหน้าที่กำหนดกรอบนโยบาย กฎระเบียบ ที่เป็นธรรม และสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการขนส่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ความสำเร็จของอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์จึงต้องอาศัยความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการช่วยกันพัฒนาอุตสาหกรรมภาคการขนส่งของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีระดับโลก”


อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม