“พิพัฒน์” เตรียมประชุม กพอ. ต้นเดือน ธ.ค.นี้ ก่อนเสนอ ครม. เคาะปมปัญหา “ไฮสปีดสามสนามบิน” ชี้ความเห็นอัยการกังวลเรื่องสร้างไปจ่ายไป อาจกระทบวินัยการเงินการคลัง พร้อมเสนอไอเดียเปิด PPP สร้างศูนย์กีฬาครบวงจร ขนาดใหญ่กว่า 1,500 ไร่ หวังดึงแรงงานในพื้นที่มากถึง 3 แสนคน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) โดยระบุว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) รวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อให้โครงการนี้เดินหน้าก่อสร้าง
อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อนำข้อเสนอของอัยการสูงสุดที่มีความเห็นต่อการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนเพื่อเดินหน้าโครงการ โดยภายหลังที่ประชุม กพอ.รับทราบแนวทางแล้ว ก็จะมีการเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งเป้าหมายของรัฐบาลต้องการให้โครงการมีแนวทางดำเนินงานที่ชัดเจน ก่อนจะไปดำเนินการในรัฐบาลต่อไป
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการก่อสร้างโครงการไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน รวมไปถึงโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา ดังนั้นตนจึงได้มีนโยบายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ สกพอ.ศึกษาโครงการพัฒนาศูนย์กีฬาครบวงจรในพื้นที่มากกว่า 1,500 ไร่ เพื่อให้ศูนย์กีฬานี้รองรับการจัดงานกีฬาขนาดใหญ่ หรือ งานอีเวนต์ระดับโลก รวมไปถึงเป็นศูนย์กลางสุขภาพ (Medical Hub) ซึ่งคาดว่าโครงการระดับนี้จะสร้างงานจำนวนมาก ทำให้มีแรงงานอาศัยในพื้นที่ 2 – 3 แสนคน
“การสร้างศูนย์กีฬาครบวงจร เป็นพื้นที่รองรับการจัดงานอีเวนต์ และมีบ้านพักนักกีฬา มีสิ่งอำนวยความสะดวก เชื่อว่าจะทำให้มีผู้คนเพิ่มขึ้นในพื้นที่นี้ และเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่จะทำให้นักลงทุนส่วนของไฮสปีดเทรน และเมืองการบินเริ่มเดินหน้าโครงการ เพราะมองเห็นถึงความคุ้มค่าจากจำนวนผู้คนที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่มากขึ้น”
...
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคม ว่า สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาสัญญาไฮสปีดสามสนามบินจะเสนอให้ ครม.ตัดสินใจภายในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ทันในรัฐบาลนี้หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีเหตุจำเป็นต้องยุบสภา โดยรัฐบาลมีเป้าหมายจะต้องได้ข้อสรุปแนวทางดำเนินงานในโครงการนี้ก่อนจะส่งมอบให้กับรัฐบาลต่อไปดำเนินการ ซึ่ง สกพอ.ได้รวบรวมแนวทางตามข้อเสนอของสำนักงานอัยการเพื่อให้ ครม.พิจารณาในประเด็นสำคัญหากมีการแก้ไขสัญญาร่วมทุนปรับเป็นรูปแบบการจ่ายเงินสนับสนุนจากรัฐเป็นสร้างไปจ่ายไปจะกระทบต่อวินัยการเงินหรือไม่
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม