นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า จากปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่นละอองกระจายในหลายพื้นที่ ตนและกระทรวงคมนาคม ให้ความสำคัญสูงสุดในการรับมือและลดปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝุ่น PM 2.5 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชนทุกคนขับเคลื่อนมาตรการสำคัญมาโดยตลอด รวมถึงหามาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เร่งรัดการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์สะอาด ผลักดันให้มีการนำรถโดยสารสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถโดยสารที่ใช้เครื่องยนต์ Euro 5 และส่งเสริมการใช้ รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) มาให้บริการทดแทนรถเก่า ซึ่งจะช่วยลดปริมาณควันดำและฝุ่น PM 2.5 จากภาคขนส่งได้โดยตรง ดังนั้นตนจึงได้กำชับให้กรมการขนส่งทางบก บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ในการตรวจวัดควันดำจากรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ และสนับสนุนมาตรการ “เขตมลพิษต่ำ” (Low Emission Zone) ของกรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมรถที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน ไม่ให้เข้ามาในพื้นที่วิกฤต
พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ “บัญชีสีเขียว (Green List)” และบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อร่วมกันสร้างระบบขนส่งที่ปลอดภัยและยั่งยืน ลดแหล่งกำเนิดมลพิษ และร่วมกันสร้างอากาศที่บริสุทธิ์และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมไทย
ด้านนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ในฐานะหน่วยงานที่กำกับ ดูแล การขนส่งทางถนนให้มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขานรับนโยบายของกระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินแผนป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากภาคคมนาคมขนส่งมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าผ่านมาตรการทางภาษีประจำปีและจัดเจ้าหน้าที่กองตรวจการลงพื้นที่ตรวจควันดำจากรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ รวมถึงบูรณาการร่วมกับกรุงเทพมหานครจัดชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ออกตรวจสอบ การดำเนินงานของสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ
...
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครมีแผนจะกำหนด“เขตมลพิษต่ำ”ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (Low Emission Zone)ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะห้ามรถโดยสารและรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป (ยกเว้นรถที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องไส้กรองอากาศ รถโดยสารและรถบรรทุก ประเภท EV, NGV, EURO 5–6 ซึ่งได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) เรียบร้อยแล้ว) ขับเข้าไปในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ในช่วงสถานการณ์ฝุ่นอยู่ในขั้นวิกฤติ เพื่อลดมลพิษและฝุ่น PM 2.5 ในเขตกรุงเทพมหานครที่มีการจราจรหนาแน่น และมีค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 สูง และเพื่อลดปัจจัยต้นตอสำคัญของมลพิษและลดอันตรายต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ โดยกรมการขนส่งทางบกแนะนำผู้ประกอบการรถโดยสารและรถบรรทุก ต้องบำรุงรักษารถโดยดำเนินการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองอากาศ หรือติดตั้งตัวกรองอนุภาคไอเสียดีเซล พร้อมทั้งต้องลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถลงทะเบียน ผ่าน QR Code (ดังแนบ) หรือ https://lez.bangkok.go.th/ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 31 มี.ค. 69 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร 0 2203 2951
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า แนะนำผู้ประกอบการขนส่งตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอเพื่อลดการปล่อยมลพิษ ดังนี้ 1. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามกำหนดเวลา 2. ทำความสะอาดหม้อกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ 3. ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์เป็นประจำ 4. ตรวจสอบและปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ฉีดน้ำมันได้เป็นฝอยละอองละเอียด 5. ตรวจสอบและทำความสะอาดระบบน้ำมันเชื้อเพลิง 6. กรณีใช้รถบรรทุกที่ไม่มีหลังคาต้องจัดให้มีผ้าใบคลุมหลังคาที่มีสภาพเหมาะสมและสมบูรณ์ไม่ฉีกขาดหรือไม่มีรอยรั่วมาปกคลุมสัตว์หรือสิ่งของที่บรรทุกให้มิดชิดตลอดระยะเวลาและตลอดเส้นทางการขนส่งสินค้า เพื่อป้องกันสินค้าหรือเศษวัสดุตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิวไปจากรถ อันอาจก่อเหตุเดือดร้อน รำคาญ และทำให้ทางสกปรก เปรอะเปื้อน และเสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ประชาชน หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน หรือก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5
นอกจากนั้น กรมฯ จะดำเนินการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เช่น จัดผู้ตรวจการออกตรวจวัดควันดำ จากท่อไอเสียของรถบรรทุกและรถโดยสารบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ ตามมาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำ จากท่อไอเสียของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการกำหนดนโยบายในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรม
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม