รัฐบาล “อนุทิน” เปิดไทม์ไลน์ 20 มาตรการเศรษฐกิจ 4 เดือนสุดท้าย ก่อนยุบสภา เร่งคลอด 11 มาตรการใหม่ปลายปี–ปิดจบด้วย “คนละครึ่งเฟส 2” เดือนมกราคม

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนยุบสภา เดินหน้ามาตรการขนาดใหญ่รวม 20 โครงการ ครอบคลุมทุกกลุ่มรายได้ ตั้งเป้ากระตุ้นกำลังซื้อ เพิ่มรายได้ และส่งเสริมการลงทุน โดยล่าสุดมี 11 มาตรการใหม่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)และคณะรัฐมนตรี(ครม.)ภายในสิ้นปีและเดือนม.ค.2569 ขณะที่อีก 9 มาตรการเดินหน้าแล้วตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้กำหนด “ไทม์ไลน์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 4 เดือนสุดท้าย” ตั้งแต่เดือนต.ค. 2568 ถึงม.ค. 2569 โดยเดือนพ.ย.มีมาตรการที่ผ่านความเห็นชอบไปแล้ว ได้แก่ 

  • มาตรการแก้หนี้ประชาชนรายย่อยที่มีภาระหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท ผ่านกลไกบริหารหนี้เสีย (AMC) ซึ่งมุ่งช่วยลดภาระของผู้มีรายได้น้อยและแรงงานนอกระบบ
  • มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ในการดูแลค่าครองชีพและราคาสินค้าเกษตร 
  • โครงการยกระดับร้านค้าคนละครึ่งพลัสที่ให้เงินสนับสนุนร้านค้ารายละ 2,000 บาท 
  • โครงการพัฒนาทักษะดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับคนไทยกว่า 5 ล้านคน ให้สามารถใช้งานระบบฟรีเป็นเวลา 1 ปี เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของแรงงานไทยในยุคเทคโนโลยี

ส่วนมาตรการที่อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและเตรียมเสนอเข้า ครม.เศรษฐกิจ ภายในเดือนพ.ย. ประกอบด้วย มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่กระทรวงการคลังร่วมกับกรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร และกรมศุลกากรอยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อช่วยลดภาระภาษีและต้นทุนธุรกิจ รวมถึงมาตรการของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงานเพื่อยกระดับภาคการผลิตและพลังงานสะอาด มาตรการทางการคลังเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจระยะยาว มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่ออนาคตโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และโครงการ Business Transformation ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่มุ่งช่วยภาคเอกชนปรับตัวสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

...

ต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. 2568 รัฐบาลเตรียมขับเคลื่อนมาตรการด้านการออมและการลงทุน โดยกระทรวงการคลังจะเสนอออกสลากเพื่อการออมและพันธบัตรรัฐบาลออมทรัพย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนออมเงินผ่านระบบการเงินในประเทศ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเตรียมเสนอ “โครงการ Thailand Individual Saving Account (TISA)” หรือบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเริ่มลงทุนระยะยาวในตลาดทุน นอกจากนี้ รัฐบาลยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ Data Analytics Dashboard เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจและติดตามผลของนโยบายต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ ครอบคลุมด้านการกระจายรายได้ การใช้จ่ายของภาครัฐ และประสิทธิภาพของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม

เดือนม.ค. 2569 ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายก่อนการยุบสภา รัฐบาลเตรียมเปิดตัวมาตรการ “คนละครึ่งเฟส 2” ซึ่งจะเชื่อมโยงกับโครงการ Upskill/Reskill เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อควบคู่กับการพัฒนาทักษะแรงงาน โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นปี ถือเป็นมาตรการไฮไลต์ส่งท้ายของรัฐบาลอนุทิน

ขณะที่มาตรการที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่เดือนต.ค. ได้แก่ โครงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนละ 850 บาทเป็นเวลา 2 เดือน ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยกว่า 13 ล้านคน โครงการคนละครึ่งพลัสที่ให้สิทธิ์ใช้จ่าย 2,000–2,400 บาท มาตรการภาษี “เที่ยวดีมีคืน” มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อกระตุ้นเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ และโครงการพลังงานสะอาดของกระทรวงพลังงาน เช่น “โซลาร์เพื่อประชาชน” ที่เน้นการส่งเสริมพลังงานทางเลือกในระดับครัวเรือน

ทั้งนี้ มาตรการทั้งหมดมีเป้าหมายให้ครอบคลุมประชาชนกว่า 65 ล้านคนทุกกลุ่มรายได้ ทั้งผู้มีรายได้น้อย ชนชั้นกลาง และผู้มีรายได้สูง โดยรัฐบาลต้องการให้มาตรการทั้ง 20 โครงการเสริมกันในสามด้านหลักคือ “เพิ่มรายได้ ลดหนี้ และส่งเสริมการลงทุน” เพื่อสร้างแรงส่งทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ต่อเนื่องถึงปี 2569 และรักษาเสถียรภาพก่อนเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง

อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม