กรมทางหลวง-ทางหลวงชนบท เร่งระดมวางกระสอบทรายกั้นน้ำ พร้อมจัดรถรับ-ส่ง บรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ควบคู่กับการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมบนถนนนครอินทร์ จังหวัดนนทบุรี และในหลายจังหวัดเสี่ยง พร้อมแนะนำเส้นทางเลี่ยง เพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยและช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัย และดินสไลด์บนทางหลวงในขณะนี้พบว่า ทำให้ถนนทางหลวงได้ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำให้ถนนเสียหายกว่า 17 แห่ง ในถนน 12 สายทาง ซึ่งถนนที่เสียหายและทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ 7 แห่ง
ซึ่งถนนที่เสียหายทั้ง 7 แห่ง อยู่ในเขตพื้นที่ 1. จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประชาชนผ่านไม่ได้ 2 แห่ง ประกอบด้วย ทางหลวง ทล.1012 ฮอด - วังลุง - บ้านนาคอเรือ ช่วงกม.7+400 - 14+200 ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงขอแนะนำให้ไปใช้เส้นทางเลี่ยง ไปทาง อ.ฮอด - บ.นาคอเรือ
โดยจากบ้านหางดง อ.ฮอด ให้ใช้เส้น ทล. 1012 จนถึงบ้านโค้งงาม กม.6+200 เลี้ยวขวาเข้าซอยข้างร้านโค้งงามการเกษตร หรือใช้เส้นทางท้องถิ่นไปบรรจบ ทล.1012 กม.14+900 ที่สหกรณ์นิคมนาคอเรือ เลี้ยวขวาไป บ้านนาคอเรือ เลี้ยวขวาไป บ้านนาคอเรือ และ ทล.1322 เชียงดาว - บ้านเมืองนะ ช่วง กม.126+845 - กม.126+975
ดังนั้นขอแนะนำเส้นทางเลี่ยง ไป อ.เชียงดาว - บ.เมืองนะ ซึ่งสามารถเดินทางจากสามแยกรินหลวง ไปใช้เส้น ทล. 1178 จนถึง กม.35+000 หรือ เลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านหนองเขียว ใช้เส้นทางท้องถิ่นไปบรรจบ ทล. 1322 ที่กม. 125+700 และเลี้ยวขวาไป บ.เมืองนะ บ.แกน้อย
...
2. จังหวัดสุโขทัย ผ่านไม่ได้ 4 แห่ง (1) ทล.125 ช่วงกม.14+000 - 19+800 อ.เมืองสุโขทัย (2) ทล.1347 ช่วงกม. 0+025 - 5+200 อ.เมืองสุโขทัย (3) ทล.101 ช่วงกม. 80+000 - 82+200 อ.เมืองสุโขทัย (4) ทล.12 ช่วงกม. 164+500 - 171+050 อ.เมืองสุโขทัย
โดยทางหลวงขอแนะนำเส้นทางเลี่ยง จ.ตาก และไป จ.พิษณุโลก ซึ่งหากจะเดินทางไป จ.พิษณุโลก ให้เข้าสู่ ทล.1272 ถึง สามแยกบ้านนา เลี้ยวขวาเข้า ทล.1272 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า สท.3017 หรือหากประสงค์จะเดินทางไป อ.เมืองสุโขทัย และไป จ.พิษณุโลก หรือหากจะเดินทางไป จ.ตาก ให้เดินทางเข้าสู่ ทล.125 (โค้งตานก) เข้า ทล.12 เข้าเมืองสุโขทัย สี่แยกคลองโพธิ์ เข้า ทล.101 และเข้าสู่ สท.3017 เลี้ยวเข้า ทล.1272 เพื่อไป จ.ตาก
3. จังหวัดอ่างทอง ถนนเสียหายประชาชนเดินทางสัญจรผ่านไปมาไม่ได้ 1 แห่ง คือ (1) ทล.33 ช่วงกม. 34+700 - 36+500 อ.ป่าโมก นาคู - ป่าโมก ดังนั้นหากจะเดินทางแนะนำให้ไปเส้นทางเลี่ยงไป จ.สุพรรณบุรี และไป จ.สิงห์บุรี
ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร พร้อมระดมเร่งวางกระสอบทรายกั้นน้ำตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ หากต้องการความช่วยเหลือหรือสอบถามข้อมูลการทางหลวง สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรี 24 ชม.) และเว็บไซต์ระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ (HDMS) : https://hdms.doh.go.th/
ด้านนายพิชิต หุ่นศิริ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ยังคงได้ดำเนินการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังมวลน้ำในแต่ละจังหวัดที่มีความเสี่ยง พร้อมทั้งกำชับให้แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ ลาดตระเวนและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่บูรณาการร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเข้าบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัย เป็นการให้กำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อาทิ แขวงทางหลวงชนบทสุโขทัย ได้บูรณาการร่วมกับจังหวัดสุโขทัยสนับสนุนรถบรรทุก รับ-ส่ง ประชาชน ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสุโขทัย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีน้ำท่วมเข้าเส้นทางประชาชนไม่สามารถเดินทางด้วยยานพาหนะขนาดเล็กได้
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ทช. โดยสำนักบำรุงทาง และหมวดบำรุงทางหลวงชนบทนครอินทร์ ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณถนนนครอินทร์ (ถนนทางหลวงชนบทสาย นบ.1020) พร้อมทั้งได้ร่วมลงพื้นที่กับนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เพื่อหาแนวทางในการรับมือและแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้ทางให้ได้มากที่สุด โดยในเบื้องต้น ทช. ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง พร้อมนำแบริเออร์คอนกรีต ป้ายเตือนน้ำท่วมมาติดตั้งบริเวณสายทางเรียบร้อยแล้ว และยังคงจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชนอย่างเต็มกำลังอีกด้วย
ปัจจุบันโครงข่ายในความรับผิดชอบของ ทช. มีสายทางที่ประสบอุทกภัยใน 8 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี, กำแพงเพชร, นครปฐม, นครสวรรค์, พระนครศรีอยุธยา, พิจิตร, สุโขทัย และอุทัยธานี โดยได้รับผลกระทบ 26 สายทาง แบ่งเป็น สัญจรผ่านได้ 13 สายทาง และไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 13 สายทาง ทั้งนี้ ทช. จะรายงานสถานการณ์ให้ประชาชนรับทราบเป็นระยะ หากต้องการแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่แขวงทางหลวงชนบททุกจังหวัด หรือสายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146
...
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม