“กรมทางหลวง” กางแผนสร้างมอเตอร์เวย์สายใหม่ M5 ช่วงรังสิต-บางปะอิน วงเงินลงทุน 4.7 หมื่นล้าน รูปแบบ PPP เอกชนร่วมทุน 100% ค่าผ่านทางเริ่มต้น 20-40 บาท สัมปทาน 34 ปี แก้รถติด “วิภาวดี-พหลโยธิน” ลุยตอกเสาเข็มปลายปี 2569 คาดเปิดบริการปี 2574 วิ่งฉิวเชื่อมมอเตอร์เวย์ M6 ช่วงบางปะอิน-โคราช

นายสุวิชาณ สุระบาล ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เปิดเผยภายหลังการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน (Market Sounding) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 (M5) สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน ระยะทางรวมประมาณ 29 กิโลเมตร งบประมาณการลงทุน 30,080 ล้านบาท ภายใต้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public–Private Partnership PPP) คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2569 และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างปลายปี 2569 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการได้ภายในปี 2574 โดยเส้นทางดังกล่าวจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่นบนถนนวิภาวดีรังสิตและพหลโยธิน และเชื่อมโยงภาคกลางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว

...

นายสุวิชาณ สุระบาล ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
นายสุวิชาณ สุระบาล ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง

สำหรับโครงการช่วงรังสิต-บางปะอิน M5 แบ่งเป็น 2 ช่วงหลัก ได้แก่ ช่วงที่ 1 อนุสรณ์สถาน–รังสิต ระยะทาง 7 กม. ซึ่งเป็นการปรับปรุงเส้นทางเดิมและก่อสร้างอาคารควบคุมระบบต่างๆ และช่วงที่ 2 รังสิต–บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. ซึ่งจะเป็นเส้นทางใหม่ยกระดับตลอดสาย เพื่อเพิ่มความคล่องตัว ลดจุดตัดการจราจร มีด่านเก็บค่าผ่านทางรวม 7 ด่าน เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการลงทุนทั้งหมด 100% และรับผิดชอบบำรุงรักษาตลอดอายุสัญญา โดยเอกชนจะรับผิดชอบตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง บริหารจัดการ และบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ภาครัฐจะชำระคืนให้เอกชนผ่านระบบ Availability Payment (AP) ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน 34 ปี แบ่งเป็นระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี และระยะเวลาดำเนินงานพร้อมบำรุงรักษา 30 ปี

สำหรับจุดเด่นสำคัญของโครงการที่จะดึงดูดนักลงทุนคือ การกำหนดอัตราค่าผ่านทางล่วงหน้าตลอด 30 ปี โดยไม่ต้องปรับขึ้นตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทุก 5 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจผันผวนสำหรับนักลงทุน อัตราค่าผ่านทางเบื้องต้นสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ จะอยู่ที่ 20 บาท สำหรับการเดินทางระยะสั้น และ 40 บาท สำหรับการเดินทางตลอดสาย (รังสิต-บางปะอิน) คาดว่าในปีแรกของการเปิดให้บริการจะมีปริมาณจราจรประมาณ 14 ล้านคันต่อปี

ทั้งนี้ มั่นใจว่าโครงการมอเตอร์ M5 มีศักยภาพสูงในการดึงดูดนักลงทุน เนื่องจากตั้งอยู่บนแนวเส้นทางที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น และเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากดีมานด์การใช้ทางสูง การกำหนดอัตราค่าผ่านทางล่วงหน้ายังช่วยให้เอกชนวางแผนทางการเงินได้อย่างแม่นยำ เมื่อโครงการ M5 แล้วเสร็จในปี 2574 จะถือเป็นการสร้างโครงข่ายมอเตอร์เวย์ต่อเนื่องสายแรกของประเทศ จากเมืองหลวงสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเชื่อมต่อจากใจกลางกรุงเทพฯ ผ่านรังสิต-บางปะอิน ก่อนเข้าสู่ M6 มุ่งหน้าสู่โคราช ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ของภูมิภาค ยกระดับระบบคมนาคมไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากลอย่างแท้จริง

...

อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม