นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศไทยปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวได้ 1.8-2.2% ตามที่ประเมินไว้เดิม แม้จะมีการปรับประมาณการส่งออกปีนี้ อาจเติบโตได้เพียง 9.5-10.5% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 2-3% แต่เป็นสินค้าส่งออกที่มีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ (local content) ต่ำมาก และทองคำ ซึ่งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจจริง

“เนื่องจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวดีกว่าที่คาด นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง แม้จะเริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี โดยล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินจีดีพีโลกปีนี้จะเติบโต 3.2% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 3% ท่ามกลางความเสี่ยงจากนโยบายการค้าโลก”

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัวได้ดี ส่งผลให้แนวโน้มการส่งออกไทยในปีนี้จะขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้มาก แต่ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจไทยไม่ได้รับอานิสงส์จากการส่งออกมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสินค้าส่งออกของไทยที่ขยายตัวแรงมี Local Content หรือการใช้วัตถุดิบในประเทศค่อนข้างต่ำ จึงส่งผลให้การเติบโตจีดีพีเป็นไปค่อนข้างจำกัด ขณะที่การนำเข้าที่ขยายตัวสูงถึง 10.2% และอัตราเงินเฟ้อต่ำคาดว่าอาจติดลบ 0.1% หรือขยายตัวได้เพียง 0.1% ตามราคาพลังงานที่แผ่วลง

...

ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ควบคู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคนละครึ่งพลัส สนับสนุนเอสเอ็มอีและการสนับสนุนสินค้า/วัตถุดิบที่ผลิตจากในประเทศ (Made In Thailand-MiT) ตามแนวทาง Quick Big Win ของรัฐบาล ก็จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ให้โตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.5%

สำหรับตลาดแรงงานที่เปราะบาง เป็นปัจจัยท้าทายการปรับตัวของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้อัตราว่างงานในระบบประกันสังคม ล่าสุดในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นเป็น 2.1% สูงสุดในรอบ 2 ปี ส่วนอัตราการว่างงานภาคอุตสาหกรรมและเด็กจบใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการแข่งขันจากต่างประเทศ ซึ่งซ้ำเติมแผลเป็นจากช่วงโควิด-19 ที่แรงงานนอกระบบสูงขึ้น กระทบต่อประสิทธิภาพของแรงงานไทย


อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม