นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการค้าภายใน, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยมีนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นสักขีพยาน สำหรับโครงการฯ นี้ มีเป้าหมายให้โรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยค่ายา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนมีทางเลือกด้านการรักษาพยาบาล รวมทั้งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น ตามที่ได้มอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุข ในการหาแนวทางแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลร่วมกัน ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบาย Quick Big Win “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” ด้านการลดค่าครองชีพของรัฐบาลตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภา

...

ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมแล้วมากกว่า 340 แห่งทั่วประเทศ ส่วนร้านยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้คัดเลือกร้านขายยาเข้าร่วมโครงการฯ โดยประชาชนสามารถนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลเอกชนไปซื้อยาที่ร้านขายยาที่ลงทะเบียนกับทาง อย. และมีตราสัญลักษณ์โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า”

ขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 3,400 ร้าน หรือผ่านช่องทาง Telepharmacy ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรม โดยสามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยาและราคายาได้ และคาดว่าจะช่วยลดค่าครองชีพได้ไม่น้อยกว่า 32,000 ล้านบาทต่อปี

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินโครงการสำคัญเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายาที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมักจะมีราคาสูงกว่าร้านขายยาทั่วไป เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่แตกต่างกัน อาทิ ค่าบุคลากร ค่าสถานที่ และค่าบริการอื่น ๆ โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาได้ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยได้เฉลี่ยถึง 30%

"การดำเนินการนี้ไม่ใช่การบังคับโรงพยาบาลให้ลดราคายาโดยตรง แต่เป็นการสร้างกลไกตลาดเสรีให้เกิดการแข่งขันด้านราคา ซึ่งจะส่งผลให้โรงพยาบาลต้องปรับราคาให้เป็นธรรมมากขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ป่วย"

เภสัชกรชยินท์ จตุรพรประสิทธิ์ นายกสมาคมร้านขายยา ระบุว่า ร้านขายยามีความพร้อมในการจ่ายยาตามคำสั่งแพทย์ตั้งแต่ปี 2510 คาดว่าเมื่อดำเนินโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” นี้ จะช่วยยกระดับมาตรฐานร้านขายยาให้สามารถจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ได้มากยิ่งขึ้น โดยผ่านรูปแบบของใบสั่งยาที่เป็นทางการ ซึ่งจะทำให้การจัดยาสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง

เบื้องต้นมีร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วประมาณ 5,000 ร้าน ทั่วประเทศ จากจำนวนร้านขายยาทั้งสิ้น 21,000 ร้าน และมั่นใจว่าในอนาคตจะมีร้านขายยาเข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้นอีก โดยหลังคลิกออฟวันนี้ ร้านขายยาสามารถให้บริการได้ทันที

ส่วนราคายาน่าจะเป็นไปตามกลไกของตลาด ที่สำคัญ โครงการฯ นี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนมีช่องทางในการซื้อยามากขึ้น

...

ด้าน นพ.สุรชัย แก้วหิรัญ ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ โรงพยาบาลวิชัยเวช อ้อมน้อย เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลพร้อมสนับสนุนโครงการฯ นี้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการรับบริการซื้อยามากขึ้น ประเมินว่าช่วงแรกจะมีประชาชนใช้บริการซื้อยานอกโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ของคนไข้ที่มารับบริการ และน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ร้านขายยายกระดับมาตรฐานยิ่งขึ้น ในส่วนราคายา ประเมินว่าน่าจะลดลงได้มากกว่านี้เนื่องจากมีการแข่งขันมากขึ้น โดยเฉพาะยาจากต่างประเทศ และที่สำคัญคนไข้จะเข้าถึงยาได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลเอกชนก็จะต้องดูแลในเรื่องของคุณภาพการรักษาและบุคลากรทางการแพทย์


อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม