“พิพัฒน์” เดินหน้าคลี่คลายปัญหาบุคลากร รฟท. ที่สะสมมานาน พร้อมวางแนวทางบริหารให้ รฟท. แข็งแรง ยั่งยืน และไม่ขาดทุน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.)  ว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังของ รฟท. ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะตำแหน่งด้านความปลอดภัยในการเดินรถ เช่น พนักงานขับรถจักร ช่างเครื่อง พนักงานควบคุมการเดินรถ และเจ้าหน้าที่รักษารถ ที่ปัจจุบันต้องทำงานหนักต่อเนื่อง ไม่มีวันหยุด และปฏิบัติงานล่วงเวลาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ได้รับฟังข้อเสนอจาก สร.รฟท. ที่เดิมเคยมีการขอให้รัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 ที่กำหนดให้ รฟท. สามารถรับพนักงานเพิ่มได้ไม่เกิน 5% จากจำนวนผู้เกษียณอายุ ซึ่งไม่เพียงพอกับภารกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 เปิดให้บริการแล้ว และทางคู่ระยะที่ 2 รวมถึงทางคู่สายใหม่ จะทยอยเปิดใช้งานในช่วงปี 2572 ดังนั้น ตนจึงได้มอบให้ รฟท. และสหภาพแรงงานฯ ร่วมกันจัดทำแผนอัตรากำลังให้เหมาะสมกับภารกิจ พร้อมนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยเสริม ลดภาระงานซ้ำซ้อน และควบคุมให้การทำงานเป็นไปตามกฎหมายแรงงาน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร 

...

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ รฟท. พิจารณานำค่าล่วงเวลาของพนักงานไปใช้ในการจ้างบุคคลภายนอกเพิ่มเติม เพื่อแบ่งเบาภาระงาน และให้บรรจุนักเรียนที่จบจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟเข้าทำงานครบทุกปีการศึกษา เพื่อเสริมกำลังคนรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องในส่วนของทรัพยากร เช่น รถจักร รถพ่วง และตู้โดยสาร นายพิพัฒน์ ได้สั่งการให้ รฟท. เร่งจัดทำแผนบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ โดยต้องมองเห็นแนวทางที่ทำให้กิจการ “มีกำไรและไม่ขาดทุน” พร้อมยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็น โดยไม่ให้กระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศ

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังได้เน้นให้ รฟท. พิจารณาราคาเช่าทรัพย์สินให้สอดคล้องกับราคาตลาดและแนวโน้มในอนาคต เพื่อเพิ่มรายได้และนำกลับมาพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามต้องทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ทั้งในด้านบุคลากรและการบริหารจัดการ เพื่อให้พนักงานมีขวัญกำลังใจ และให้กิจการเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน ไม่ต้องพึ่งพาการกู้เงินจากรัฐอีกต่อไป

อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม