ทางหลวงชนบททุ่มงบกว่า 39.9 ล้านบาท แก้คันทางทรุดตัวถนนสาย อย.2008 แยก ทล.33–บ้านปากแรด เสริมฐานรากตอกเสาเข็ม ผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมติดตั้งเครื่องหมายจราจร-อุปกรณ์ความปลอดภัย หนุนระบบโลจิสติกส์อยุธยาและพื้นที่ใกล้เคียง
นายพิชิต หุ่นศิริ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินโครงการแก้ไขคันทางทรุดตัวถนนทางหลวงชนบทสาย อย.2008 แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 – บ้านปากแรด อำเภอนครหลวง–ท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์ และเปิดให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางสัญจรได้อย่างปลอดภัยและสะดวกเรียบร้อยแล้ว
นายพิชิต กล่าวว่า ถนนสาย อย.2008 ถือเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญของพื้นที่ ที่มีอายุการใช้งานยาวนานและมีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ใช้เส้นทางดังกล่าวในการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม จึงทำให้เกิดปัญหาคันทางทรุดตัวในบางช่วง กรมทางหลวงชนบทจึงได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อยกระดับคุณภาพถนนให้กลับมาอยู่ในสภาพมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยต่อการสัญจรของประชาชน
...
สำหรับโครงการดังกล่าวดำเนินการตั้งแต่ช่วงกิโลเมตรที่ 13+750 ถึงกิโลเมตรที่ 15+950 รวมระยะทางทั้งสิ้น 2.200 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการดำเนินงานทั้งสิ้น 39.947 ล้านบาท โดยมีการดำเนินงานครอบคลุมในหลายด้าน เพื่อเสริมความแข็งแรงให้แก่โครงสร้างถนนและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น
ในส่วนของการปรับปรุงโครงสร้าง กรมฯ ได้ดำเนินการ ตอกเสาเข็มเพื่อรองรับน้ำหนักบริเวณด้านขวาทางขนานคลองชลประทาน เสริมความมั่นคงของคันทาง พร้อม ซ่อมพื้นทางหินคลุกผสมซีเมนต์บริเวณไหล่ทาง เพื่อป้องกันการทรุดตัวในอนาคต จากนั้นได้ดำเนินการ ก่อสร้างผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมไหล่ทางสองข้าง รวมทั้งติดตั้ง เครื่องหมายจราจรบนผิวทางและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เพื่อเพิ่มความชัดเจนและลดอุบัติเหตุในการเดินทาง
นายพิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการบำรุงรักษาถนนให้กลับมามีสภาพดีเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการ เสริมศักยภาพระบบโลจิสติกส์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง ให้มีความเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วย บรรเทาปริมาณการจราจรบนถนนสายหลัก โดยเปิดทางเลือกใหม่สำหรับการเดินทางและขนส่งสินค้า
นอกจากนี้ การพัฒนาถนนสาย อย.2008 ยังมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะ การขนส่งวัสดุอุตสาหกรรมและสินค้าทางการเกษตร ให้สามารถลำเลียงออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา ตอบสนองต่อความต้องการของภาคการผลิตและภาคโลจิสติกส์ที่กำลังเติบโตในพื้นที่อยุธยา เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จและเปิดใช้อย่างเต็มรูปแบบ จะช่วยให้ประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่สามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม
...