บอร์ดกสทช. เห็นชอบมาตรการปราบโจรออนไลน์เพิ่ม ห้ามไม่ให้ผู้รับใบอนุญาตที่ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศนำหมายเลข IP Address ที่จดทะเบียนในไทย ไปให้บริการในต่างประเทศ หลังพบว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินที่ใช้ IP Address ไทย ในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถแยกได้ว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศหรือต่างประเทศ

วันที่ 29 ต.ค. 2568 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยหลังการประชุมบอร์ด กสทช. ว่า ที่ประชุมบอร์ด กสทช. มีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มเติม ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนด 2 มาตรการบังคับใช้กับผู้รับใบอนุญาตโทรคมนาคม ได้แก่

1. ผู้รับใบอนุญาตที่ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศต้องไม่นำหมายเลข IP Address ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทยไปให้บริการในต่างประเทศ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงหมายเลข IP Address ของอุปกรณ์สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้รับใบอนุญาต และให้กำหนดมาตรการดังกล่าวเป็นเงื่อนไขการอนุญาตเพิ่มเติมเฉพาะรายบริการของผู้ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ

2. ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการกรณีที่มีการใช้บริการอยู่ย้อนหลังไม่น้อยกว่า 180 วัน (จากเดิม 90 วัน)

ในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยผู้รับใบอนุญาตต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเฉพาะเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินคดีเท่านั้น

...

กรณีการให้บริการโทรคมนาคมสิ้นสุดลงผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการตามวรรคหนึ่งไว้ไม่น้อยกว่า 180 วัน นับแต่วันสิ้นสุดสัญญา

โดยให้สำนักงาน กสทช. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ให้บริการร่วมกันกำหนดข้อมูลที่ต้องเก็บรักษา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มาตรการกำหนดเพื่อห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคม นำ IP Address ที่จดทะเบียนในประเทศไทยไปให้บริการในต่างประเทศดังกล่าว จะช่วยทำให้สามารถคัดแยกได้ว่าการทำธุรกรรม หรือการใช้งานอินเตอร์เน็ต ซึ่งใช้ IP Address ไทย เป็นการใช้ในเขตราชอาณาจักรไทยเท่านั้น โดยที่ผ่านมาพบว่า มีการทำธุรกรรมทางการเงินที่ใช้ IP Address ไทย ในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถคัดแยกได้ว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศหรือต่างประเทศ

ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตที่ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศดังกล่าว ได้แก่ ค่ายมือถือ ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม เช่น NT, ซิมโฟนี, UIH เป็นต้น

อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม