“พาณิชย์” ชงมาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกนาปี ปี 68/69 เพิ่มเติม ดึง อคส.-อ.ต.ก.-ธ.ก.ส. ตั้งโต๊ะรับซื้อ 3 ล้านตัน ราคานำตลาด ย้ำไม่ใช่รับจำนำ แต่ซื้อมาขายไป พร้อมลุยขายข้าวต่างประเทศ ทั้งจีทูจีจีน 5 แสนตัน สิงคโปร์ 1 แสนตัน และผลักดันเพิ่มมูลค่า ส่วนเปิดตัวโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” นำใบสั่งยาจากรพ.เอกชนไปซื้อยานอก เลื่อนจากเดิม 28 ต.ค. เป็น 4 พ.ย.นี้
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) พิจารณามาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 68/69 เพิ่มเติมจากเดิมที่นบข.ครั้งล่าสุดได้อนุมัติโครงการไว้แล้ว ได้แก่
1.ให้ 3 หน่วยงาน คือ องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร ทั้งข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เป้าหมาย 3 ล้านตัน ในราคานำตลาด เพื่อช่วยดึงผลผลิตออกจากตลาด และผลักดันให้ราคาสูงขึ้น
...
“ทั้ง 3 หน่วยงานจะรับซื้อตามศักยภาพของตัวเอง แต่อยู่ในเป้าหมาย 3 ล้านตัน ซึ่งจะเป็นการใช้งบประมาณของแต่ละหน่วยงานเอง แต่รัฐบาลอาจช่วยเหลือค่าบริหารจัดการให้บางส่วน เมื่อซื้อมาแล้วก็จะเป็นการซื้อมาขายไป ไม่ได้รับจำนำ และนำออกมาระบายเหมือนที่ผ่านๆ มา อย่าง อคส.ก็อาจนำไปทำเป็นข้าวสารบรรจุถุง เพราะมีข้าวสารถุงตรา อคส.ขายอยู่แล้ว และขายให้กับลูกค้า เช่น กรมราชทัณฑ์ ฯลฯ”
2.กระทรวงพาณิชย์จะเสนอการเร่งระบายข้าว โดยจะผลักดันการส่งออกข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนปริมาณ 500,000 ตัน และกับสิงคโปร์ 100,000 ตัน รวมทั้งการสนับสนุนการส่งออกไปยังตลาดใหม่ให้กับผู้ส่งออก เช่น เม็กซิโก และบังกลาเทศ เพื่อยึดตลาดข้าวไทยคืนมา ผลักดันใช้ปลายข้าวไปเป็นวัตถุดิบทำอาหารสัตว์
และ 3. ผลักดันสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น สนับสนุนเครื่องสีข้าว ช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์
โดยทั้ง 3 มาตรการนี้ เป็นมาตรการเพิ่มเติมจากที่ นบข. ได้เคยอนุมัติก่อนหน้านี้ คือ ให้สินเชื่อชะลอการขาย โดยเกษตรกรเก็บข้าวในยุ้งฉาง ได้ค่าฝากเก็บ 1,500 บาทต่อตัน เป้าหมาย 3 ล้านตัน, ให้สินเชื่อรวบรวมข้าวสถาบันเกษตรกร 1.5 ล้านตัน ชดเชยดอกเบี้ยให้โรงสีเก็บสต๊อกข้าว 4 ล้านตัน
สำหรับข้าวนาปี ปีการผลิต 68/69 มีปริมาณ 26.99 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 17.54 ล้านตันข้าวสาร ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 6.05 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 3.9 ล้านตันข้าวสาร คิดเป็น 22% ของผลผลิตทั้งหมด คาดว่าจะออกสู่ตลาดมากช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.68 โดยราคาข้าวปัจจุบัน (วันที่ 22 ต.ค.68) ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,200-16,500 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกปทุมธานี 8,200-8,700 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 6,100-6,800 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเหนียว 8,200-9,000 บาทต่อตัน
นายวิทยากร กล่าวต่อถึงความคืบหน้าโครงการสุขกาย สบายกระเป๋า ที่ช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนโดยนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลเอกชนไปซื้อจากร้านขายยาภายนอกได้ว่า กรมเลื่อนการเปิดตัวโครงการ จากเดิมกำหนดวันที่ 28 ต.ค.68 ไปเป็นวันที่ 4 พ.ย.68 เพราะต้องรอเตรียมความพร้อมของรายละเอียดมาตรการให้สมบูรณ์ก่อน และจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดงาน
ปัจจุบัน โรงพยาบาลเอกชน สมาชิกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เข้าร่วมโครงการนี้ มากกว่า 300 แห่ง ใน 11 เครือ ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังเปิดให้ร้านขายยาลงทะเบียนแล้วกว่า 3,305 แห่ง รวมทั้งยังมี Telepharmacy ที่ให้คำปรึกษาด้านยาผ่านทางไกล โดยหลังจากนั้นทุกโรงพยาบาลและร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ จะมีป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อใช้บริการได้อย่างทั่วถึงต่อไป.
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม