กระแสข่าว "แก๊งสแกมเมอร์" ในกัมพูชา ส่งแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลก “แอตต้า” จี้รัฐแสดงภาวะผู้นำเร่งประกาศ “มาตรการความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่อเครื่องไป CLMV”
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า กระแสข่าวเรื่อง “ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ (Scammer Centers)” ในกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้าน ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของภูมิภาคอาเซียน ความไม่มั่นใจนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงปลายทางในกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังลามมาถึงประเทศที่มีพรมแดนเชื่อมต่อ เช่น ไทย ลาว และ เวียดนาม โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากใช้ประเทศไทยเป็นจุดต่อเครื่อง (Transit Hub) ก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) แต่กลับยังไม่มีมาตรการหรือระบบดูแลที่ชัดเจนจากภาครัฐไทย เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของนักเดินทางเหล่านี้
“ในยุคที่ภัยไซเบอร์และอาชญากรรมข้ามชาติแฝงมาในคราบการท่องเที่ยว โลกต้องการผู้นำที่กล้าแสดงความรับผิดชอบ ไทยจึงควรใช้โอกาสนี้ในการยกระดับบทบาทของตนเองจากประเทศท่องเที่ยว สู่ศูนย์กลางความปลอดภัยแห่งอาเซียน”
นายอดิษฐ์ กล่าวว่า สถานการณ์นี้ไม่เพียงกระทบภาพลักษณ์ของไทยในฐานะ “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวอาเซียน” แต่ยังอาจกระทบต่อรายได้ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระยะยาว หากไทยไม่เร่งแสดงบทบาทเชิงรุก ดังนั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวไทย รัฐบาลควรเร่งประกาศ “มาตรการความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่อเครื่องไป CLMV” ดังนี้
...
1.ไทยควรเปิดการหารือเชิงนโยบายกับประเทศต้นทาง เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และกลุ่มประเทศเป้าหมายเพื่อจัดตั้ง “Joint Safety Protocol” หรือมาตรการเฝ้าระวังร่วมกัน ในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยมีกลไกแลกเปลี่ยนข้อมูลความเสี่ยงและการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า
2. ระบบเอกสารกำกับการเดินทาง (Safety Endorsement) นักท่องเที่ยวที่ต่อเครื่องจากไทยไป CLMV ควรได้รับเอกสารรับรองจากหน่วยงานรัฐไทย เช่น “Tourist Safety Acknowledgement” ซึ่งยืนยันว่าผู้โดยสารผ่านจุดตรวจมาตรฐานและได้รับข้อมูลความปลอดภัยที่จำเป็น คล้ายแบบฟอร์ม Travel Advisory Note ในยุโรป
3. ระบบ Monitor และ Database เชิงความปลอดภัย โดยไทยควรใช้ข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองและสายการบิน สร้างระบบติดตามเชิงสถิติ เช่น จำนวนผู้เดินทางต่อเครื่อง เส้นทางเสี่ยง และกรณีร้องเรียนด้านความปลอดภัย เพื่อส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานใน CLMV ใช้วางแผนเชิงป้องกันได้จริง
4. เครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วม (Regional Safety Network) ผ่านการจัดตั้งช่องทางข่าวสารเฉพาะด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยวระหว่างไทยกับประเทศ CLMV เช่น ศูนย์ข้อมูล “Safe ASEAN Travel Desk” เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เหตุฉุกเฉิน และคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับนักเดินทาง ทั้งภาครัฐและเอกชน
“จุดยืนของไทยในอาเซียนต้องชัด ไม่เพียงเป็นทางผ่าน แต่ต้องเป็นผู้คุ้มกัน และจะต้องประกาศมาตรการเชิงรุกนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อป้องกันปัญหาภาพลักษณ์ แต่คือการสร้างความเชื่อมั่นใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่า ประเทศไทยคือประเทศศูนย์กลางที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และรับผิดชอบต่อภูมิภาค”
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม