“มัลลิกา” สั่งพับแผนย้าย 3 สถานีขนส่ง “หมอชิต 2-เอกมัย-สายใต้” ไปรวมที่สถานีกลางฯ โมเดลสถานีฮากาตะ ญี่ปุ่น ย้ำชัด! ให้อยู่ที่เดิม เร่งพัฒนาให้ดีขึ้น จัด Feeder เชื่อมขนส่งอื่นให้ครอบคลุม ด้าน บขส. เตรียมเสนอของบปี 70 กว่า 3.6 พันล้าน รีโนเวท “หมอชิต 2” พ่วงพื้นที่อู่หมอชิต ขสมก. รวม 100 ไร่ จ่อชงคมนาคม-สภาพัฒน์เห็นชอบในปี 69 เริ่มตอกเข็มปี 70 คาดสร้างเสร็จปี 72 พลิกโฉมการให้บริการรถทัวร์
นางสาวมัลลิกา จิระพันธ์ุวาณิช รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้ บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) ดำเนินการปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ให้บริการอยู่ปัจจุบัน ทั้ง สถานีหมอชิต 2 สถานีเอกมัย และสถานีสายใต้ ให้มีความทันสมัย ประชาชนได้รับความสะดวกจากการบริการ และมีการพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจัดระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder) เชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นๆ อย่างครอบคลุม และยืนยันว่าในยุคตนเป็นรัฐมนตรีจะไม่มีนโยบายให้ย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่งมาอยู่ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แม้ว่ารัฐบาลที่แล้วจะได้ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ศึกษาผลกระทบการดำเนินการมาไว้แล้ว
ด้านนายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ขณะนี้ บขส. อยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ขนาดพื้นที่ 80 ไร่ โดยในปี 2568 บขส. ได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินจำนวน 39 ล้านบาท เพื่อจ้างที่ปรึกษาพัฒนาพื้นที่สถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ซึ่งตอนนี้ผลการศึกษาแล้วเสร็จ และเตรียมเสนอของบประมาณแผ่นดินในปีงบประมาณ 2570 วงเงิน 3,600 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ในพื้นที่เดิมที่ให้บริการอยู่ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการประชาชน
...
สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้ โครงการฯ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) บขส. แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคม พิจารณาอนุมัติ ก่อนเสนอไปยังสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์เห็นชอบตามกระบวนการภายในปี 2569 โดยหากได้รับจัดสรรงบประมาณ คาดว่า จะเริ่มพัฒนาในปี 2570 ใช้ระยะเวลา 3 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 ตามแผน
ทั้งนี้ แผนพัฒนาดังกล่าว แบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสาร ชานชาลา อาคารรับ - ส่ง พัสดุภัณฑ์ สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) จุดบริการชาร์จรถโดยสารไฟฟ้าในอนาคต จุดจอดแท็กซี่ จุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ รถเมล์ และรถแท็กซี่ รวมถึงที่พักพนักงาน พร้อมทั้งพัฒนาพื้นที่ด้านข้าง บริเวณอู่หมอชิต ขนาดพื้นที่ 20 ไร่ สร้างเป็นจุดพักคอยผู้โดยสาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปดำเนินการพิจารณาและศึกษาแนวทาง การย้ายสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ และนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟไทย รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีอื่นๆ
สำหรับรูปแบบแนวคิดที่จะดำเนินการ จะศึกษาโดยใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในประเทศไทย อาทิ สถานีฮากาตะ ซึ่งเป็นสถานีโดยสารอาคารสูง ภายในอาคารมีศูนย์อาหาร และแหล่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้บริการอย่างครบถ้วน ซึ่งในแต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง ตามภูมิภาค และจังหวัดอย่างชัดเจน
โดยจะออกแบบเป็นสถานีขนส่งในรูปแบบอาคารสูง และกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน โดยการพัฒนาอาคารสูงจะแบ่งชั้นการให้บริการอย่างชัดเจน เช่น ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินไปทางภาคใต้ และภาคตะวันตก ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคเหนือ ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออก และพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร (กทม.)
นอกจากนี้ ตัวอาคารผู้โดยสารจะมีการพิจารณาออกแบบเป็นชั้นใต้ดินสำหรับให้รถเมล์ ขสมก. รวมถึงสำหรับรถแท็กซี่ เพื่อให้เข้ามารับส่งผู้โดยสาร ขณะที่ในส่วนของชั้นที่สูงขึ้นไป จะออกแบบเพื่อทำเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถมีที่พักคอยก่อนจะถึงเวลารถออก และรายได้จากการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ สามารถนำมาใช้ในการบริหารจัดการ และซ่อมบำรุงรักษาตัวอาคารผู้โดยสารได้อีกด้วย
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม