คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) รวบรวมข้อมูลรอบด้านจาก ปตท.-กฟผ. มีความเป็นไปได้ตรึงค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.2569 ที่ 3.94 บาท/หน่วย ตามนโยบาย รมว.พลังงาน
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ โฆษก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.กำลังตรวจสอบข้อมูล จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่รับภาระค่าก๊าซธรรมชาติ 15,000 ล้านบาท และการคืนหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 66,000 ล้านบาท ว่า หากสามารถยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไปจะมีภาระดอกเบี้ยมากขึ้นเพียงใด รวมถึงราคาเชื้อเพลิง และต้นทุนค่าไฟฟ้าจะเป็นอย่างไร เพื่อประกอบการพิจารณาค่าไฟฟ้าในงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2569 เพราะโดยปกติช่วงปลายปีของทุกๆ ปี ที่เข้าสู่ฤดูหนาว ประเทศทางฝั่งตะวันตก อาทิ สหภาพยุโรป มีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติจำนวนมาก แต่ปีนี้จะเห็นว่าประเทศผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ มีการเร่งการผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความสมดุลของปริมาณผลผลิตก๊าซธรรมชาติ กับความต้องการใช้ ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก จึงไม่ได้ปรับตัวเร็วหรือรุนแรงมากเหมือนปีที่ผ่านมา
...
“กรณีดังกล่าว ทำให้การดูแลค่าไฟฟ้าของประเทศไทยให้อยู่ในระดับเหมาะสม หรือสามารถตรึงราคาให้อยู่ในระดับเดิมที่ 3.94 บาท/หน่วยเหมือนกับงวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค.) ตามนโยบายของรมว.พลังงาน ก็มีความเป็นไปได้สูง แต่ต้องขอตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ และรับฟังความเห็นเพื่อหารือกันในที่ประชุม กกพ. อีกครั้งในเร็วๆ นี้“
สำหรับในส่วนของเงินที่เรียกคืนจากการลงทุนของ 3 การไฟฟ้า ในส่วนที่ไม่ได้ลงทุนให้เป็นไปตามแผน (Claw Back) ปัจจุบันเหลือเงินที่สามารถใช้ในสถานการณ์วิกฤตด้านพลังงาน ได้อีก 5,000 ล้านบาท เนื่องจากค่าไฟฟ้าในงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.นี้ ได้ใช้เงิน Claw Back สำหรับอุดหนุนค่าไฟให้ประชาชนไปแล้ว 2,600 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้มีอยู่ 7,000 ล้านบาท ซึ่งการจะนำเงินส่วนนี้มาใช้ ต้องมีเหตุจำเป็นที่ราคาพลังงานอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เคลื่อนไหวผิดปกติ ตามเงื่อนไขกำหนดเท่านั้น
ขณะเดียวกัน นโยบายสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรง ระหว่างผู้ผลิตพลังงาน และผู้ใช้พลังงานโดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง (Direct Power Purchase Agreement (Direct PPA)) จำนวน 2,000 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นในเรื่องหลักเกณฑ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยต้องนำมาพิจารณาในส่วนของอัตราค่าการส่งพลังงานไฟฟ้า (Wheeling) และนำเข้าที่ประชุม กกพ. วันที่ 15 ต.ค.นี้ คาดว่าภายในเดือน พ.ย. จะมีการสรุปและประกาศภายในเดือนธ.ค. เพื่อเป็นของขวัญให้กับภาคเอกชน
“เรากำลังรับฟังในเรื่องของหลักเกณฑ์ ซึ่งเป็นกลไกที่จะพยายามเร่งให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล และต้องนำเรื่องทั้งหมดเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) หากสามารถได้ข้อสรุปก็จะออกประกาศเป็นนโยบายได้ในเดือนธ.ค.นี้ ต่อไป ถือเป็นเมอร์รี่คริสต์มาส กิฟต์ให้กับเอกชน แต่ต้องยอมรับว่าในระยะแรกของการใช้ Direct PPA จะต้องเป็นไฟฟ้าจากฟอสซิลไปก่อน และจะเป็นไฟฟ้าสีเขียวในระยะต่อไป“
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม