“พิพัฒน์” สั่งการบ้านกรมทางหลวงชนบท เร่งเครื่อง ดัน 2 เมกะโปรเจกต์ภาคใต้ เร่งสร้าง “สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา และเกาะลันตา” วงเงิน 6.5 พันล้าน ปักธงลงนามสัญญาภายในปี 68 สร้างเสร็จ-เปิดใช้ปลายปี 71 สั่งเร่งเบิกจ่ายงบปี 69 กว่า 5.3 หมื่นล้าน ลุยสร้าง 4 โครงการใหญ่ 2.8 พันล้าน ตั้งธงเบิกจ่ายมากกว่า 50% ภายใน 4 เดือน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้ให้นโยบายให้ กรมทางหลวงชนบท(ทช.) เร่งดำเนินการในโครงการก่อสร้างสะพาน 2 โครงการขนาดใหญ่ในภาคใต้ โดยเฉพาะโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ต.เกาะกลาง-ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ และ โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา - อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง วงเงินค่าก่อสร้างรวม 6,500 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการหากมีการก่อสร้างจะกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้และเพิ่มศักยภาพด้านโลจิสติกส์ รวมถึงเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด
...
โดยโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา จ.กระบี่ วงเงินก่อสร้าง 1,800 ล้านบาท และ สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา จ.พัทลุง-จ.สงขลา วงเงิน 4,700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างแบบนานาชาติ และการพิจารณาผลด้านเทคนิคทั้งสองโครงการจากธนาคารโลก (World Bank)หากธนาคารโลกตอบกลับมา ขั้นตอนต่อไปทาง ทช.จะส่งเรื่องไปยังกระทรวงการคลังและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อพิจารณาอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดย ทช. ยืนยันจะเดินหน้าเตรียมเอกสารและกระบวนการต่าง ๆ และออกแบบโครงการแบบคู่ขนาน เพื่อให้สามารถเซ็นสัญญาและเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในปีนี้ตามเป้าหมายเพื่อให้แล้วเสร็จในปี 71
สำหรับการเจรจาแหล่งเงินกู้จาก World Bank นั้น จะกู้ในสัดส่วน 70% ของวงเงินรวมทั้ง 2 โครงการ หรือกู้ประมาณ 4,550 ล้านบาท จากทั้งหมด 6,500 ล้านบาท และที่เหลืออีก 30% จะใช้งบประมาณแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้ง 2 โครงการแล้วเสร็จ จะช่วยลดระยะเวลาเดินทาง เพิ่มความปลอดภัย และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของภาคใต้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยว และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 69 ทช. ได้รับการจัดสรรงบประมาณ วงเงินกว่า 53,000 ล้านบาท จึงได้กำชับให้ ทช. เตรียมความพร้อม และจัดซื้อจัดจ้างให้ได้มากที่สุด โดยตั้งเป้าเบิกจ่ายงบประมาณได้ไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 4 เดือนนี้ หรือภายใน ม.ค. 69 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ นำไปสู่การสร้างงานให้กับประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2569 ทช. มีโครงการขนาดใหญ่ 4 โครงการ วงเงินรวม 2,810 ล้านบาท ที่ต้องเร่งดำเนินการ ประกอบด้วย 1.โครงการถนนสายแยก ชม. 3029 แยก ทล. 1006 อ.เมืองเชียงใหม่ สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (ตอนที่ 2) เลี่ยงเมืองตันเปา วงเงิน 720 ล้านบาท
2.โครงการถนนสายแยก ชม. 3029 แยก ทล. 1006 อ.เมืองเชียงใหม่ สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (ตอนที่ 3) เลี่ยงเมืองตันเปา วงเงิน 780 ล้านบาท 3.โครงการถนนสายแยก ทล. 34 (กม.ที่ 26) เชื่อมกับทางหลวงชนบท สาย ฉช. 3001 จ.สมุทรปราการ (ตอนที่ 2) ช่วงที่ 1 วงเงิน 700 ล้านบาท และ 4.โครงการสะพานข้ามทางรถไฟ บนถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน ศูนย์กลางการค้าส่งชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม วงเงิน 610 ล้านบาท
...
ขณะเดียวกัน สถานการณ์อุทกภัย (น้ำท่วม) ที่ส่งผลกระทบต่อเส้นทางหลวงชนบทใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสายทางได้รับความเสียหาย 59 สายทาง ขณะนี้สามารถเปิดสัญจรได้แล้ว 40 สายทาง และอยู่ระหว่างซ่อมแซมอีก 19 สายทาง พร้อมสั่งการให้ ทช. เร่งติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราว เปิดทางสัญจรให้ประชาชนโดยเร็ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง ติดตั้งป้ายเตือน และให้ข้อมูลเส้นทางเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน โดยทุกถนนที่เสียหายต้องซ่อมกลับมาใช้งานได้เต็มรูปแบบโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ด้านนายพิชิต หุ่นศิริ รักษาราชการแทนอธิบดี ทช. กล่าวว่า ปัจจุบัน ทช. ดูแลโครงข่ายถนนทั่วประเทศกว่า 51,000 กม. ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด โดยในปีงบประมาณ 2569 ได้รับงบประมาณกว่า 53,000 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการสำคัญทั้งการก่อสร้างถนน สะพาน และระบบอำนวยความปลอดภัยทางถนน เช่น ถนนเชื่อมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ถนนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และโครงการทางต่างระดับจุดตัดสำคัญทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าปฏิบัติภารกิจภายใต้นโยบาย “ทางหลวงชนบทเพื่อประชาชน” อย่างเต็มกำลังเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในทุกภูมิภาค
...
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม