ที่ปรึกษาโฮปเวลล์ เพิ่งตื่น! ออกมาร้องทั่วสารทิศ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังศาลมีคำสั่งให้รัฐจ่ายเงินชดเชยคืนโฮปเวลล์ แต่มีกลุ่มนักการเมืองพยายามรื้อคดีใหม่จนเป็นเหตุให้ รถไฟไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้โฮปเวลล์ ลั่นทำแบบนี้จะไม่มีเอกชนหน้าไหนเข้ามาลงทุนในไทยอีก
นายสัญญา สถิรบุตร ที่ปรึกษา บริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย (จำกัด) เปิดเผยในการแถลงข่าว “ฆ่าโง่...จุดหักเหคดีโฮปเวลล์ ภัยคุกคามอำนาจอธิปไตยของชาติ” ว่า แม้ว่าศาลปกครองสูงสุด จะมีคำพิพากษาเมื่อ เม.ย.62 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกระทรวงคมนาคมคืนเงินลงทุน และเงินค่าตอบแทนตามสัญญาจำนวน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่ โฮปเวลล์ เนื่องจากสัญญายุติแล้วนั้น แต่ต่อมากระทรวงคมนาคม และ รฟท. ได้ยื่นต่อศาลปกครองกลาง ให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งพิพากษาเมื่อ 18 ก.ย.66 ว่าคดีโฮปเวลล์ขาดอายุความ ทำให้ รฟท. และกระทรวงคมนาคมไม่ต้องจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับโฮปเวลล์นั้น
...
ในเรื่องนี้ตนมองว่า ในการยื่นเพื่อรื้อคดีใหม่นั้นเกิดจาก คณะทำงานของกลุ่มนักการเมืองในยุคนั้น ทำให้นักลงทุนจากต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในไทย แม้ศาลจะมีคำสั่งสิ้นสุดแล้วก็ตาม แต่ในประเทศไทยมีหลายศาล ดังนั้นล่าสุด โฮปเวลล์จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ในประเด็นว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี, ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ประธานศาลฎีกา ถึงความไม่เป็นธรรมที่นักลงทุนได้รับแม้มีคำสั่งศาลออกมาแล้ว เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า ผลการสอบสวนและความเห็นของคณะทำงานกลุ่มนักการเมือง ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ 143/2562 นั้น นายกรัฐมนตรีขณะนั้นถูกหลอกหรือไม่ เพราะมีการปกปิดข้อมูล จนทำให้มีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้กลับมารื้อคดีใหม่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้นักลงทุนที่มาลงทุนในประเทศ ไม่มีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย
“การที่ตนในฐานะที่ปรึกษาบริษัท โฮปเวลล์ จะไปยื่นหนังสือต่อประธานศาลฎีกา เนื่องจากในประเทศไทยมีหลายศาล ทั้งศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลแพ่ง เป็นต้น ดังนั้นในฐานะประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นประมุขฝ่ายตุลาการ จึงอยากขอให้ประธานศาลฎีกาเป็นเจ้าภาพเรียกประชุมศาลต่างๆ แม้ว่าคำพิพากษาของศาลต่างๆจะเป็นอิสระ แต่เมื่อคดีหนึ่งๆตัดสินจนถึงที่สุดแล้วศาลอื่นๆไม่ควรเข้าไปยุ่งได้หรือไม่”
ด้าน นายคอลลิน เวียร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก โดยระบุถึงข้อกล่าวหาว่า บริษัท โฮปเวลล์ฯ ได้ทำการติดสินบนด้วยเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อล้มคดีโฮปเวลล์นั้น เป็นข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จอย่างสิ้นเชิง ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่เคยมีนโยบายหรือหลักปฏิบัติในการจ่ายเงินใต้โต๊ะหรือการจ่ายสินบน ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม ในทุกๆการเจรจาที่ดำเนินการโดยบริษัทฯ มีความโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และอยู่ในกรอบของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม