“พิพัฒน์” เล็งปรับลดค่าโดยสารรถเมล์ทั้งระบบ เป็นหนึ่งในแพ็กเกจลดค่าครองชีพประชาชน ลั่นทำได้ทันทีภายในปีนี้ พร้อมประกาศยกเลิกรถเมล์ร้อน ขสมก. 1,520 คัน ดึงเช่ารถเมล์อีวีจากเอกชนทดแทน ทยอยให้บริการ ก.ย.2569 กำหนดราคาเดิมคงที่ 8 บาท เชื่อรถอีวีจะช่วยลดต้นทุนค่าซ่อมและเชื้อเพลิง หนุน ขสมก. ล้างหนี้สะสม 1.5 แสนล้านหลังปี 2575

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในโอกาสวันคล้ายวันก่อตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ครบรอบ 49 ปี โดยระบุว่า ขสมก. เป็นเสาหลักของระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งทำให้ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และย้ำเป้าหมายการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เชื่อมต่อทุกโหมดการเดินทางแบบไร้รอยต่อ ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า เรือ และการเดินทางรูปแบบอื่น เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น

...

โดยปัจจุบัน ขสมก. ให้บริการรถรวม 2,883 คัน รถปรับอากาศ 1,363 คัน และรถร้อน 1,520 คัน ซึ่งรัฐบาลนี้แม้มีเวลาทำงานเพียง 4 เดือนก่อนยุบสภา แต่จะเร่งรัดให้ ขสมก. จัดหารถเมล์ปรับอากาศพลังงานสะอาด (อีวี) เข้ามาให้บริการทดแทนรถเมล์ร้อนที่มีอายุการใช้งานเกินกว่า 20 ปี ในจำนวนทั้งหมด 1,520 คัน ซึ่งปัจจุบัน ขสมก. อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นเอกสารประกวดราคา (TOR) ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนประมูล คาดว่าจะทยอยได้รับมอบรถลอตแรก 500 คัน ในเดือน ก.ย.2569

“การเปลี่ยนรถเมล์อีวี จะช่วยลดภาระทางการเงินที่รัฐบาลต้องคอยสนับสนุน และ ขสมก. ต้องแบกรับต้นทุนอยู่มหาศาล โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 2,090 ล้านบาทต่อปี และค่าซ่อมบำรุงแบบเหมาจ่ายประมาณ 1,800 ล้านบาทต่อปี รวมการใช้รถเมล์อีวีจะช่วยให้ ขสมก. ประหยัดต้นทุนไปมากสุดถึง 4,000 ล้านบาทต่อปี ลดการขาดทุนและยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการลดควันดำได้”

นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในช่วง 4 เดือนนี้สิ่งแรกที่คิดคือการทำอย่างไรให้ ขสมก. ช่วยประชาชนผู้ใช้บริการได้มากที่สุด จึงมีนโยบายว่าเมื่อมีการนำรถเมล์อีวีมาให้บริการเพื่อทดแทนรถเมล์ร้อนแล้ว หากจะต้องปรับราคาค่าโดยสาร ก็จะเป็นการเพิ่มภาระประชาชน ดังนั้นจะมีนโยบายให้ ขสมก. ยังคงราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 8 บาท ส่วนรถเมล์แอร์ที่ให้บริการอยู่ 1,363 คัน ก็จะมีการศึกษาปรับราคาค่าโดยสารลง

ทั้งนี้ แนวทางปรับลดค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก.นั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการทำแพ็กเกจลดค่าครองชีพของประชาชนในการใช้บริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งภายหลังรัฐบาลแถลงนโยบายในสิ้นเดือนนี้ แพ็กเกจดังกล่าวก็จะทยอยเริ่มทำทันที ดังนั้นในส่วนของการปรับลดค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. จะเริ่มดำเนินการทันทีภายในปีนี้ และเมื่อรถเมล์อีวีคันใหม่เข้ามาก็จะยังคงให้บริการในราคาคงที่ 8 บาทตลอดสายเหมือนราคาที่รถเมล์ร้อนเคยจัดเก็บอยู่

“ประชาชนที่เคยใช้บริการรถเมล์ร้อนในราคา 8 บาทตลอดสาย เมื่อเรานำรถเมล์ใหม่เข้ามาทดแทนรถเมล์ร้อน ประชาชนที่เคยใช้บริการอยู่เดิมก็ควรได้ใช้บริการในราคาเดิม แม้ไม่ได้ลดค่าครองชีพเพราะจัดเก็บราคาเดิม แต่ก็ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนนี้ดีขึ้น ได้ใช้บริการรถเมล์แอร์และเป็นรถเมล์ใหม่”

ทั้งนี้ ตนยังมีแนวทางเตรียมเจรจากับเอกชนผู้รับสัมปทานรถเมล์อยู่ในปัจจุบัน ให้กำหนดราคาค่าโดยสารเป็นราคาเดียวกับรถเมล์ ขสมก. เพื่อทำให้ประชาชนได้ใช้บริการเป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่วนการปรับลดค่าโดยสารครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลมีต้นทุนเพิ่มขึ้นในการชดเชยรายได้เอกชนหรือไม่ ตนขอไปศึกษาแนวทางดำเนินการก่อน

...

ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน ขสมก. รถโดยสารทั้งหมด 2,883 คัน รองรับผู้โดยสารเฉลี่ย 5–6 แสนคนต่อวัน โดย ขสมก. เร่งจัดหารถเมล์อีวีเพื่อทดแทนรถเมล์ร้อนเก่าอายุมากกว่า 20 ปี ซึ่งคาดว่าจะได้รับรถลอตแรก 500 คัน ประมาณเดือน ก.ย. 2569 หลังจากนั้นอีก 3 เดือน หรือประมาณ ธ.ค. 2569 จะรับมอบลอตสองอีก 500 คัน และอีก 3 เดือนนับจากนั้น หรือภายใน มี.ค.2570 รับมอบที่เหลืออีก 520 คัน

...

อย่างไรก็ดี ขสมก. คาดว่าการนำรถเมล์อีวีเข้ามาเสริมบริการนั้น จะทำให้ ขสมก. ลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้ EBITDA เป็น 0 ในปี 2575 และหลังจากนั้นจะเริ่มทำกำไรเพื่อไปหักขาดทุนสะสมที่ปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 1.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังทำให้ ขสมก. ลดการพึ่งพาขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) จากรัฐบาล


อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม