"อรรถกร" ยืนยันว่าจะทำงานเพื่อประโยชน์ของ "หลวง" เปิดแผนดันท่องเที่ยวฟื้น เผยพร้อมใช้ทุกมาตรการ กระตุ้นทั้งใน-นอกประเทศ เล็งดึงตลาดจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลี-อินเดีย-ซาอุฯ เตรียมฟื้นรูปแบบโครงการเก่า ลักษณะเที่ยวไทยคนละครึ่งหรือเราเที่ยวด้วยกัน มากระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ชี้ซีเกมส์ คือโอกาสโชว์ศักยภาพไทย ส่วนซอฟต์พาวเวอร์ เป็นรูปแบบใหม่ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

นายอรรถกร ศิริลัทยากร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้เข้ากระทรวงเป็นครั้งแรก โดยมีนายอิทธิ ศิริลัทยากร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ บิดา ไหว้ศาลพระภูมิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานว่า แนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคท่องเที่ยว ได้วางเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว มุ่งเน้นฟื้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาใกล้ระดับก่อนโควิด ควบคู่กับการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

“ใน 4 เดือนนี้ เราต้องเร่งทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติขยับขึ้น แม้ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก แต่ต้องเลือกโฟกัสตลาดที่มีศักยภาพ และหาสาเหตุที่นักท่องเที่ยวลดลง เพื่อนำไปแก้ปัญหาให้ตรงจุด จะมุ่งเน้นภารกิจในกรอบ 4 เดือนตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ แต่ไม่ละเลยการวางรากฐาน สำหรับการท่องเที่ยวและกีฬาที่จะส่งผลในระยะยาว ผมทำงานรับเงินหลวงยืนยันว่าจะทำงานเพื่อประโยชน์ของ หลวง ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง“

...

รมว.ท่องเที่ยวฯ ระบุว่า แผนระยะสั้นจะเน้นตลาดเป้าหมายสำคัญ หรือประเทศที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวหายไป และหาวิธีดึงกลับคืนมา โดยประเทศที่จะเดินทางไป ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยจะใช้วิธีการใหม่ให้ผู้บริหารระดับสูงเดินทางไปสร้างความเชื่อมั่นด้วยตนเอง เช่น การเยือนจีนร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อเจรจาเรื่องเกษตรและการท่องเที่ยว ซึ่งการไปเยือนครั้งนี้ไม่ใช่ส่งแค่เจ้าหน้าที่ แต่ต้องเป็นรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่าไทยจริงจังกับการดูแลความปลอดภัยและความสะดวกสบายของเขา

“การตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง จะไม่ประกาศเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ หรือ Mission Impossible เพื่อไม่ให้ภาคธุรกิจนำตัวเลขไปวางแผนแล้วเกิดความเสียหาย ยอมรับความจริงว่าปีนี้นักท่องเที่ยวลดลง และจะพยายามเติมส่วนที่ขาดหายไปกลับมา”

นายอรรถกร กล่าวว่า นอกจากการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะรื้อโครงการที่เคยได้ผลกลับมาใช้ เช่น โครงการลักษณะ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” หรือ “เราเที่ยวด้วยกัน” โดยจะหยิบโครงการที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุดในรอบ 10 ปีมาปรับปรุงใหม่ โดยจะเลือกสิ่งที่เคยสำเร็จ 70-80% มาปรับใช้ ดีกว่าสร้างโครงการใหม่ที่อาจสำเร็จเพียง 10% และหากมีเงินเหลือจากโครงการเก่า จะนำเข้า ครม. เพื่ออนุมัติใช้ต่อไป

สำหรับการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 นายอรรถกร ชี้ว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะประกาศความพร้อมของไทยต่อเวทีโลก พร้อมยืนยันใช้งบประมาณ 2,055 ล้านบาทอย่างคุ้มค่า หากจำเป็นต้องขอเพิ่มเพื่อรักษาภาพลักษณ์ประเทศก็พร้อมดำเนินการ

ขณะเดียวกันยังเดินหน้าผลักดัน Soft Power ในรูปแบบใหม่ที่ “เป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ใช่การบังคับ” และยอมรับว่าการจัดแข่ง F1 ต้องนำมาศึกษาต่อ แต่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเม็ดเงินลงทุนกับความจำเป็นด้านอื่นของประเทศ เมื่อถูกถามว่าอยากให้ประชาชนจดจำการทำงานครั้งนี้อย่างไร นายอรรถกร กล่าวว่า

“ไม่จำเป็นต้องจำผม ขอให้จำว่าประเทศไทยสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านกีฬาได้ก็เพียงพอแล้ว”


อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม