“ศุภจี” รมว.พาณิชย์ เข้าทำงานวันแรก เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน แก้ปัญหาเกษตร-ส่งออก รับมือบาทแข็ง พร้อมดันเจรจาการค้าต่างประเทศ ไม่หนักใจแม้ไม่มีรัฐมนตรีช่วย มั่นใจเห็นผลงานรูปธรรมใน 4 เดือน
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เดินทางเข้าปฏิบัติราชการที่กระทรวงพาณิชย์เป็นวันแรก และได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ให้การต้อนรับ จากนั้นให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวนโยบายและภารกิจเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยเปิดเผยว่า วันนี้ (26 ก.ย.68) เป็นวันแรกที่เข้ามาในกระทรวงพาณิชย์ รู้สึกประทับใจและอบอุ่นมากจากการต้อนรับของข้าราชการ ทุกคนเป็นผู้ที่มีความสามารถ จริงๆแล้วได้มีโอกาสพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ก็ได้รับความร่วมมือและคำแนะนำอย่างดี ถือเป็นวันที่น่าประทับใจอีกวันหนึ่ง
...
สำหรับนโยบายกระทรวงพาณิชย์ในรายละเอียดจะต้องรอนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในช่วงสัปดาห์หน้าก่อน แต่ถ้าพูดในภาพกว้าง คือต้องดูในเรื่องความสมดุลด้านการค้าต้องดูทั้งผู้ซื้อและผู้ขายให้เกิดความสมดุลมากที่สุด ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆในกระทรวงฯ รวมถึงกระทรวงฯ อื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง ส่วนมาตรการเร่งด่วนที่จะต้องเร่งเข้าไปดูแลนั้นมีอยู่แล้วตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีมาตรการออกมาอย่างรวดเร็ว คือ Quick win และ Quick big Win สำหรับวางรากฐานเศรษฐกิจในอนาคตด้วย
เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ ที่รัฐบาลได้กำหนดเวลาบริหารงานเพียงไม่กี่เดือน จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้มากน้อยแค่ไหน นางศุภจี กล่าวว่า หนักใจหรือไม่หนักใจไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือมีความรับผิดชอบอยู่ตรงหน้าและระยะเวลาที่จำกัด ดังนั้นต้องเลือกทำ
”กระทรวงพาณิชย์ มีเรื่องต้องทำมากมาย ต้องมาพูดคุยกันกับผู้บริหารกระทรวงฯ ว่าจะจัดเรียงความสำคัญอะไรก่อนหลัง เพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์ในช่วงระยะเวลาที่มีความจำกัดนี้“
ส่วนปัญหาเงินบาทแข็งค่า ถือเป็นความลำบากของผู้ส่งออก ซึ่งตอนนี้คณะรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจทั้งหมดต้องร่วมมือกันจัดการปัญหานี้ โดยต้องรอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้แถลงอย่างเป็นทางการ แต่สำหรับกระทรวงพาณิชย์ มีหน้าที่ประสานและทำให้นโยบายนั้นสำเร็จให้ได้และช่วยผู้ส่งออกให้ได้มากที่สุด
”ในช่วง 4 เดือน ต้องเห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์มีภารกิจที่จะทำเยอะมาก ดังนั้น จะต้องเลือกว่าจะทำอะไร“
สำหรับปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ กระทรวงพาณิชย์ มีระบบที่ดูแลข้อมูลในเรื่องของอุปสงค์อุปทาน ในแต่ละฤดูกาล ซึ่งเราคงต้องเตรียมทำการล่วงหน้า ก่อนที่จะถึงฤดูกาลหน้านั้น เช่น ผลผลิตกาแฟและข้าวจะออกมาช่วงปลายปี ขณะที่เรื่องตลาดต่างประเทศ ก็จะเดินหน้าเต็มที่ โดยเมื่อวานนี้ (25 ก.ย.68) กระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับประเทศหนึ่งแล้ว และปี 68 นี้ มีเป้าหมายต้องเจรจาการค้าระหว่างประเทศระดับทวิภาคีให้สำเร็จอีก 2-3 ประเทศ และในระดับ Joint agreement และ Trade Mission
...
เมื่อถามว่า ผลงานของกระทรวงพาณิชย์ในช่วง 4 เดือนที่จะเห็นผลเป็นรูปธรรม นางศุภจี ระบุว่า มีเป้าหมายสำคัญ แต่ขอให้รอหลังนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบาย และต้องรับฟังถึงสภาผู้แทนราษฎร แล้วนำมาปรับเป็นมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ต่อไป
สำหรับประเด็นการค้าไทย-กัมพูชา ก็มีความตั้งใจที่จะดูแลเป็นพิเศษ ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้คุยกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งต้องดูในรายละเอียดว่า สินค้าที่ส่งข้ามไปกัมพูชามีอะไรบ้าง มองว่า ผู้ที่เดือดร้อนจริงๆไม่ใช่แค่ผู้ส่งออก เพราะการหาตลาดใหม่ไม่ได้ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป การส่งออกและการนำเข้าข้ามแดน ต้องมีผู้ที่มีความสามารถมาร่วมทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการหาตลาดใหม่ แต่ผู้ที่เดือดร้อนมากกว่า อาจเป็นคนที่อยู่บริเวณนั้นที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน ต้องประสานงานร่วมกับพาณิชย์จังหวัด รวมถึงประสานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ไม่หนักใจที่เป็นรัฐมนตรีเพียงคนเดียวในกระทรวงพาณิชย์ และไม่มีรัฐมนตรีช่วยฯ มาช่วยงาน เพราะมีทีมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ที่เก่งมากคอยช่วยเหลือ
...
“ไม่ได้ยึดถือหลักในการทำงานคนเดียวอยู่แล้วเรามีความรู้น้อย เราเข้ามาที่กระทรวงฯ มีคนที่มีความรู้มากกว่าอยู่เยอะ เราก็มีหน้าที่ทำในสิ่งที่เรามี เอาสิ่งที่เรามีช่วยกันสอดประสาน เอามุมมองจากสิ่งที่ทางกระทรวงฯ อาจจะไม่เคยมองมุมนี้ แต่ก็ต้องยึดทางท่านอธิบดี ท่านปลัด ท่านรองปลัดเป็นคนช่วย”
ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะมีการมอบนโยบายการบริหารอย่างเป็นทางการต่อผู้บริหารและข้าราชการของกระทรวงพาณิชย์
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม