กทพ. เดินหน้าสร้าง “ทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย” มูลค่า 5.5 หมื่นล้าน สะพานขึงข้ามทะเลแห่งแรกในไทย ยันออกแบบรองรับพายุ-แผ่นดินไหว ตั้งธงชงบอร์ด-จัดทำ EIA ต้นปีหน้า เล็งชง ครม. ไฟเขียวในปี 69 เริ่มสร้างปี 72 เปิดใช้ปี 77 คาดมีผู้ใช้ทางวันละ 7-8 พันคัน ร่นเวลาเดินทางเหลือ 15 นาที ดันเศรษฐกิจ 4 แสนล้านใน 30 ปี หนุนการท่องเที่ยวเมืองอันดับ 2 ของไทย พร้อมช่วยยกระดับประชาชน-นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (วันที่ 13-14 ก.ย. 2568) เพื่อสำรวจแนวสายทางโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ระยะทางประมาณ 37.41 กิโลเมตร (กม.) มูลค่าลงทุนประมาณ 55,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการศึกษา และเตรียมจัดประชุมเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 3 (สรุปผลการศึกษา) ในช่วง พ.ย.-ธ.ค. 2568 ก่อนที่จะสรุปผลการศึกษาแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2569 และแจ้งต่อประชาชนต่อไป
...
ทั้งนี้ จะเข้าสู่ขั้นตอนการขออนุมัติโครงการจากคณะกรรมการ (บอร์ด อ.) กทพ. และขออนุมัติการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) พร้อมทั้งเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในปลายปี 2569 และหากได้รับความเห็นชอบในปี 2570 ก็จะเข้าสู่การเปิดประมูล และเริ่มกระบวนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินในปี 2571 จากนั้นจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2572 โดยใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 5 ปี โดยมีเป้าหมายเปิดให้บริการในช่วงปี 2577
สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้น เนื่องจากเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง จะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่ง กทพ. จะลงทุนในส่วนของงานก่อสร้าง และภาครัฐอาจต้องให้การสนับสนุนบางส่วนในลักษณะของการอุดหนุน (subsidy) นอกจากนี้ กทพ. จะมีความร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณูปโภค 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เพื่อร่วมลงทุนในโครงการฯ
โดย กทพ. เตรียมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับที่ 1 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ ร่วมกับทั้ง 4 หน่วยงานดังกล่าวภายในปลายปีนี้ และเมื่อการศึกษาเสร็จสิ้น ก็จะมีการ MOU ฉบับที่ 2 เพื่อกำหนดสัดส่วนการร่วมลงทุนของแต่ละหน่วยงานตามผลประโยชน์ที่ได้รับ โดยเฉพาะการใช้สะพานเป็นทางผ่านสำหรับท่อส่งน้ำดิบ สายไฟฟ้า และระบบสื่อสาร ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนการก่อสร้างได้มหาศาลเมื่อเทียบกับการวางโครงสร้างใต้ทะเล
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการเดินทางไปยังเกาะสมุย ผ่านการเดินเรือนั้น มีปริมาณผู้เดินทางข้ามฝั่งในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว คาดการณ์ปริมาณการจราจรว่า จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยประเมินว่ามีผู้ใช้ทางวันละประมาณ 7,000–8,000 คัน ซึ่งแม้ว่าค่าผ่านทางของทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย อาจสูงกว่าค่าโดยสารเรือเฟอร์รี่ แต่ผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากการประหยัดเวลาเดินทางจากเดิม 1.5–3 ชั่วโมง เหลือเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น ขณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเรือเฟอร์รี่ยังคงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สำคัญ และการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ก็อาจส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเฟอร์รี่ในเชิงปริมาณลูกค้าด้วย
ขณะที่ ในด้านการออกแบบโครงการฯ ยืนยันว่า จะยึดมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เทียบเท่าหรือดีกว่าสะพานที่เคยเผชิญภัยพิบัติรุนแรง โดยจะออกแบบให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนระดับแผ่นดินไหวรุนแรง และพายุด้วย ซึ่งประสบการณ์ของ กทพ. ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี จึงมีความมั่นใจในความแข็งแรงของโครงสร้างในทุกโครงการ เห็นได้จากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อช่วงเดือน มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา สะพานทศมราชันที่ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับลักษณะเด่นของทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย ถือเป็นการสะพานขึงข้ามทะเลแห่งแรกในภูมิภาค โดยจะมีช่วงระหว่างเสาของสะพานที่ยาวถึง 300 เมตร และยกตัวสูงจากระดับน้ำทะเลถึงท้องสะพานประมาณ 50 เมตร เพื่อรองรับการสัญจรของเรือรบและเรือบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการเดินเรือในสถานการณ์อุทกภัย
...
นอกจากนี้ การออกแบบโครงการ จะต้องคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพื้นที่ที่มีการกำหนดแนวเส้นทางก่อสร้างเป็นบริเวณที่มีแนวปะการัง แม้จะเป็นแนวปะการังตายแต่ก็ยังคงมีกฎหมายคุ้มครอง อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเรื่องการขออนุญาตเข้าพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งต้องผ่านการอนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อประกอบการจัดทำรายงาน EIA ขณะเดียวกันยังมีความจำเป็นต้องศึกษามาตรการอนุรักษ์สัตว์น้ำหายาก อาทิ ปลาโลมาสีชมพู
นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบคมนาคม เชื่อมโยงการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจ คาดว่า จะมีมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 400,000 ล้านบาทในระยะเวลา 30 ปี อีกทั้ง ยังสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะเกาะสมุย ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับที่ 2 ของประเทศไทย รองจากเกาะภูเก็ต
นอกจากนี้ เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยกะทันหัน เนื่องจากที่ผ่านมา จะต้องรอการเปิดให้บริการของเรือ หรือมีเวลาจำกัดในการเดินทางตามที่กำหนด ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากเกาะมาสู่แผ่นดินใหญ่ กระจายโอกาสการลงทุนและการจ้างงานในพื้นที่ด้วย
...
“โครงการนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างสะพาน แต่เป็นการสร้างอนาคตของเกาะสมุยและพื้นที่เศรษฐกิจโดยรอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อทั้งประชาชน นักท่องเที่ยว และประเทศโดยรวม ที่สำคัญยังเป็นโครงการยังมีส่วนช่วยชีวิตของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อาศัยอยู่บนเกาะสมุย เนื่องจากที่ผ่านมา เมื่อเวลาเจ็บป่วย จะต้องรอการเดินทางโดยเรือที่มีระยะเวลากำหนด คือ จากเกาะสมุยข้ามไปยังตัวเมือง จ.สุราษฎร์ธานี จะเปิด 05.30 น. และเที่ยวสุดท้ายประมาณ 19.30 น. หรือต้องขนส่งผู้โดยสารผ่านทางเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น การสร้างโครงการทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย จะเพิ่มความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในการเดินทาง” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัตราค่าใช้บริการเรือเฟอร์รี่ รถยนต์ คิดค่าโดยสารคันละประมาณ 750 บาท ผู้โดยสาร คนละ 180 บาท ซึ่งเบื้องต้นอัตราค่าผ่านทางด่วนสมุย รถยนต์ 4 ล้อ ประมาณ 1 พันบาท โดยในต่างประเทศ สะพานข้ามทะเล อาทิ สะพาน Oresund Bridge ของเดนมาร์ก ระยะทาง 16 กม. เก็บค่าผ่านทางรถยนต์ประมาณ 2,500 บาท ทั้งนี้ทางด่วนเชื่อมเกาะสมุยรองรับรถทุกประเภท ยกเว้นมอเตอร์ไซค์.
...
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม