กขค. ออกกฎคุมอี-คอมเมิร์ซ ป้องกันผูกขาด ทำธุรกิจเอาเปรียบรายย่อย หลังพบยอดร้องเรียนจำนวนมาก ทั้งถูกบังคับเลือกขนส่งสินค้ากับบริษัทของแพลตฟอร์ม บีบทำโปรโมชั่น ฉวยขึ้นค่าธรรมเนียมโดยไม่เป็นธรรม คาดเริ่มใช้เดือนต.ค.นี้

นายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.) ได้ยกร่างประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มหลายด้าน (Multi-sided Platform) ประเภทธุรกิจบริการดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าหรือบริการ หรือที่เรียกว่า ไกด์ไลน์อี-คอมเมิร์ซเสร็จแล้ว และปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนจนถึงวันที่ 18 ก.ย.68 ผ่านเว็บไซต์ www.tcct.or.th  และระบบกลางทางกฎหมาย www.law.go.th

...

สาเหตุที่ต้องทำไกด์ไลน์ดังกล่าว เพราะได้รับการร้องเรียนกว่า 10 คดี เกี่ยวกับปัญหาการค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นการบังคับให้ผู้ค้าต้องขนส่งสินค้ากับบริษัทของแพลตฟอร์ม การขึ้นค่าธรรมเนียมสูงเกินไป ตลอดจนพฤติกรรมการค้าอื่นที่ไม่เป็นธรรม เช่น การคืนเงิน คืนสินค้า การบังคับทำโปรโมชั่น ซึ่งการออกไกด์ไลน์นี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์ รายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตาม เช่น การขึ้นค่าธรรมเนียมสามารถขึ้นได้แค่ไหน และต้องบอกล่วงหน้ากี่วัน รวมถึงการเลือกวิธีชำระสินค้า บริษัทขนส่ง เป็นต้น

“ไกด์ไลน์อี-คอมเมิร์ซ จะกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าหรือบริการกับผู้ประกอบธุรกิจอื่นๆ ทั้งผู้ขาย ผู้ให้บริการรับและขนส่ง ผู้ให้บริการโฆษณา และผู้ให้บริการการชำระเงิน ให้ปฏิบัติตาม โดยยึดหลักการประกอบธุรกิจที่เป็นธรรม ไม่กีดกัน บังคับ จำกัดสิทธิ หรือเลือกการผูกขาด หากใครไม่ดำเนินการตาม จะมีบทลงโทษตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 โดยหลังรับฟังความเห็นแล้ว จะรวบรวมความเห็นเพื่อแก้ไขก่อนออกประกาศ และเสนอให้กขค.พิจารณา โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มบังคับใช้ได้เดือนต.ค.นี้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างประกาศฉบับนี้ จะควบคุมพฤติกรรมการค้าทางออนไลน์ที่ไม่เป็นธรรมหลายด้าน อาทิ บังคับให้ตั้งราคาสินค้าหรือบริการที่ต่ำกว่าต้นทุนโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร, ห้ามตั้งราคาจำหน่ายสินค้าหรือบริการบนแพลตฟอร์มอื่นต่ำกว่าช่องทางการค้าของตน, กำหนดราคาขายต่อโดยให้ตั้งราคาจำหน่ายสินค้าหรือบริการตามที่กำหนด หากไม่ปฏิบัติตามจะปฏิเสธการให้จำหน่าย นอกจากนี้ ยังดูถึงการเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรม เช่น ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นจากที่เคยเก็บ, ขึ้นค่าธรรมเนียมตามคู่แข่ง, เก็บค่าธรรมเนียมต่ำกว่าต้นทุนรวมเฉลี่ยโดยมีเป้าหมายเพื่อให้คู่แข่งขันต้องออกจากตลาดไป, การเก็บค่าธรรมเนียมใหม่ที่ไม่เคยเรียกเก็บมาก่อน หรือไม่แจ้งล่วงหน้า

ขณะเดียวกัน จะดูแลพฤติกรรมกีดกันการมองเห็นสินค้าหรือบริการ ซึ่งผู้ให้บริการใช้ระบบอัลกอริทึมปิดกั้นหรือจำกัดการมองเห็นและให้สิทธิพิเศษเอื้อประโยชน์เฉพาะผู้ขายที่ตนได้รับผลประโยชน์มากกว่า เช่น จัดวางสินค้าของตนในตำแหน่งที่เป็นจุดเด่นบนพื้นที่หน้าแรก, บังคับเลือกบริการรับและขนส่งสินค้า, บังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมโปรโมชั่น รวมถึงกำหนดเงื่อนไขอันเป็นการจำกัดสิทธิโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เช่น ยกเลิกบัญชีผู้ขาย, ถอดสินค้าบริการออกจากช่องทางการจำหน่าย, บังคับซื้อขายพ่วงสินค้าและบริการ หรือให้ส่งข้อมูลทางการค้าทุกประเภท เพื่อนำไปสร้างข้อจำกัดและกีดกันการแข่งขัน, การเลือกปฏิบัติจนก่อให้เกิดการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน เป็นต้น

อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม