“มนพร” เผย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ส่อแววเลื่อนจาก 1 ต.ค. 68 ระบุต้องรอการพิจารณา พ.ร.บ. 3 ฉบับ-ออกกฎหมายลูก ชี้ “สายสีแดง-สีม่วง” โดนหางเลข อาจหยุดใช้นโยบาย 20 บาทใน 30 ก.ย.นี้ หลังมติ ครม. กำหนดให้ใช้ครบ 8 เส้นทางพร้อมกัน ด้าน “กฤษฎีกา” ตีตก แท้งไม่เป็นท่า แผนสำรองคมนาคม เสนอขอใช้ “งบกลาง” มาอุดหนุนชดเชยช่วงรอกฎหมาย ลั่น! ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้พยายามผลักดันที่จะประกาศใช้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้ได้ในวันที่ 1 ต.ค. 2568 นั้น และพบว่าขณะนี้กระบวนการก่อนที่จะให้มีผลบังคับใช้นั้นจะต้องผ่านกระบวนการของการแก้ไขกฎหมายเพื่อผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการประกาศบังคับใช้ของกฎหมายลูก ซึ่งพบว่าการดำเนินการต่างๆ มีความล่าช้า ซึ่งอาจจะทำให้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอาจจะต้องเลื่อนการประกาศใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมออกไปก่อน เนื่องจากขั้นตอนของการเสนอร่าง พ.ร.บ. ต่างๆ ที่จะแก้ไขกฎหมายที่จะผ่านสภาผู้แทนราษฎรและออกเป็นกฎหมายที่จะบังคับใช้จะต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1-2 เดือนหลังจากนี้

...

อย่างไรก็ตาม หากมีการขยับวันที่ประกาศใช้มาตรการในระยะที่ 2 นั้น ก็จะส่งผลให้ผู้โดยสารที่เคยใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟฟ้าสายสีม่วงตามมาตรการ 20 บาทตลอดสายที่ได้เปิดใช้มาตรการไปแล้วตั้งแต่ช่วง พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา จะต้องยกเลิกใช้มาตรการ 20 บาทตลอดสายออกไปก่อนด้วย เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2568 ได้กำหนดให้สายสีม่วงและสายสีแดงสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 ก่อนจะเริ่มมาตรการครบทุกเส้นทางทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 – 30 ก.ย. 2569 หรือตามมติ ครม.

นางมนพร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามก็อยากให้ประชาชนทุกคนที่จะใช้นโยบาย 20 บาทยังคงต้องเข้ามาลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" เช่นเดิม เพื่อเตรียมไว้หากขั้นตอนของกฎหมายเรียบร้อยก็จะได้ใช้ตามนโยบายได้เลย นอกจากนั้น ตามที่วันนี้ (25 ส.ค. 2568) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. กระทรวงคมนาคมได้เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการค่ารถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท (20 บาทตลอดสาย) ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” นั้น จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ณ 16.00 น. พบว่า มีจำนวนผู้ลงทะเบียนสำเร็จ 135,730 คน แบ่งเป็น บัตร Rabbit จำนวน 102,007 ใบ และบัตร EMV จำนวน 47,432 ใบ

ส่วนความคืบหน้าของกระทรวงคมนาคมที่จะเร่งผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) 3 ฉบับ เพื่อสนับสนุนมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ระยะที่ 2 นั้น ขณะนี้ 1. ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. …. นั้นได้ผ่านสภาฯ และได้เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แล้ว 2. ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) และ 3. พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 (พ.ร.บ.รฟม.) ซึ่งทั้ง 2 พ.ร.บ. คือ พ.ร.บ. ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ. รฟม. นั้น ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ส.ส.) ครบทุกมาตราแล้ว และผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 และอยู่ระหว่างการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ที่จะมีการประชุมในสัปดาห์นี้ ก่อนจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ส.ว. ต่อไป

สำหรับสาเหตุที่ต้องรอ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมให้ผ่านออกมาเป็นกฎหมายเนื่องจากจะต้องจัดตั้ง "กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม" ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการชดเชยส่วนต่างของรายได้ค่าโดยสารให้แก่ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าต่างๆ เพื่อให้สามารถเก็บค่าโดยสารในอัตรา 20 บาทตลอดสายได้จริง ขณะที่ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 (พ.ร.บ.รฟม.) นั้นเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในการนำเงินจากกองทุน รฟม. มาชดเชยค่าโดยสาร

นางมนพร กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่รัฐบาลจะนำมาปฏิบัตินั้นจะครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 8 สาย คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว, สีทอง, สีเหลือง, สีชมพู, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีแดง และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL) รวม 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร (กม.) ทั้งสิ้น 194 สถานี ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีเป้าหมายในการช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทางให้กับประชาชน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียม มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยลดรถยนต์บนถนน ลดอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศด้วย

...

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้เงินจากกองทุนการรถไฟส่วนหนึ่ง และเงินอุดหนุน (subsidize) จากรัฐบาลอีกส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่มีการระบุตัวเลขที่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า ขณะนี้ทางนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้รับรายงานจากกฤษฎีกา เรื่องกรณีที่กระทรวงคมนาคมจะขอใช้งบกลางมาใช้ในโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้าสีต่าง ๆ หาก พ.ร.บ.กรมรางฯ, พ.ร.บ.ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ.รฟม. ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ และเสนอเข้าวุฒิสภา เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการออกกฎหมายลูก ตามที่เคยกำหนดว่าจะให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2568 นั้น จากนั้นกระทรวงคมนาคมได้มีแผนสำรองในการเสนอขอรับจัดสรรงบกลางมาใช้ดำเนินการ แต่ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตีความว่ากระทรวงคมนาคมไม่สามารถเสนอขอรับจัดสรรงบกลางมาใช้ชดเชยได้ เนื่องจากมองว่ายังไม่เป็นเรื่องเร่งด่วน

ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงเร่งพยายามที่จะผลักดันให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับผ่าน ซึ่งปัจจุบัน พ.ร.บ.กรมรางฯ ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎร และจ่อเข้าวุฒิสภาแล้ว ส่วน พ.ร.บ. ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ. รฟม. นั้น จะมีการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ในสัปดาห์นี้ ซึ่งตามขั้นตอนในการพิจารณาเมื่อผ่านสภาฯ เข้าพิจารณาของวุฒิสภา ก็ต้องใช้เวลา 1 เดือน และหากผ่านการพิจารณาแล้ว ก็ต้องเข้าขั้นตอนการจัดทำออกกฎหมาย ใช้ระยะเวลาเป็นเดือน ซึ่งจะไม่ทันตามที่รัฐบาลได้ประกาศว่าจะมีผลบังคับใช้มาตรการรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท ได้ทันวันที่ 1 ต.ค. 2568 แน่นอน

อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม

...