
กูรูจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ มองแนวโน้ม "ราคาทองคำ" ระยะสั้นๆ ช่วงโควิด-19 อยู่ที่บาทละ 24,000-26,500
นางสาวทิพย์รัตน์ นันทปรีดาวัฒน์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า ช่วงต้นเดือน มี.ค. 63 ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงแรงกว่า 10% ในระยะเวลาเพียง 10 วัน สาเหตุหลักมาจากภาวะขาดแคลนสภาพคล่องของตลาดชั่วคราว กดดันให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์ เห็นได้จากการปรับตัวลดลงของราคาสินทรัพย์ทุกประเภทพร้อมกัน
ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น และหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูง (High Yield Bond) หรือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ และพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งสะท้อนถึงภาวะขาดแคลนสภาพคล่องที่คล้ายกับในช่วงที่บริษัท Lehman Brothers ล้มในปี 2008
นอกจากนี้ สาเหตุที่ราคาทองคำปรับลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงได้เพิ่มขึ้นจนพลิกกลับมาเป็นบวก ซึ่งราคาทองคำได้เคลื่อนไหวสวนทางกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงมาโดยตลอดตั้งแต่หลังวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ (Subprime) ในปี 2008
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง หรืออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล ลบกับอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอนาคต กลับมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง
ขณะที่ราคาน้ำมันก็ได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด หรือ Deflation ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ลดลงแรงกว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจึงเพิ่มขึ้น กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง
กลับมาที่ปัจจุบัน สองปัจจัยกดดันราคาทองคำข้างต้นดูเหมือนว่าจะคลี่คลายลงแล้ว หลังธนาคารกลางทั่วโลกเร่งออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่อง เช่น การลดดอกเบี้ย และการขยายวงเงินเข้าซื้อสินทรัพย์ในนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ขณะเดียวกันรัฐบาลของหลายประเทศก็เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและธุรกิจในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค ผลักดันอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอนาคตให้เพิ่มขึ้น และทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงลดลง ราคาทองคำจึงน่าจะกลับมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ต่อ
ดังนั้น ในช่วงสั้นๆ นี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ จึงประเมินว่า ราคาทองคำน่าจะกลับไปเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคา 1,550-1,650 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือบาทละ 24,000 -26,500 บาท และแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อสะสมในช่วงราคา 24,000 บาท