รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมยกเลิกการคุ้มครอง หมีกริซลี่ ในอุทยานแห่งชาติ เยลโลว์สโตน ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ หลังจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจนไม่อยู่ในเกณฑ์อันตรายแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจจะยกเลิกการคุ้มครอง ‘หมีกริซลี่’ ในอุทยานแห่งชาติ เยลโลว์สโตน แล้วนับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีนี้เป็นต้นไป หลังจากคุ้มครองมานานกว่า 40 ปี โดยให้เหตุผลว่า จำนวนประชากรของหมีสายพันธ์ุนี้ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงสูญพันธุ์อีกต่อไปแล้ว

หมีกริซลี่ทั่วสหรัฐฯ ยกเว้นในรัฐอะแลสกา ได้รับความคุ้มครองภายใต้รัฐบัญญัติสายพันธ์ุเสี่ยงอันตรายปี 1975 ซึ่งในขณะนั้นจำนวนหมีกริซลี่ในอุทยานแห่งชาติ เยลโลว์สโตน มีจำนวนเพียง 136 ตัวเท่านั้น แต่ปัจจุบันประชากรของมันในอุทยานซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐไวโอมิง, ตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐมอนทานา และทางตะวันออกของรัฐไอดาโฮ เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 700 ตัวแล้ว

เรื่องดังกล่าวทำให้สำนักงานอนุรักษพันธ์ุสัตว์ป่าและพันธ์ุปลาสหรัฐฯ (ยูเอสเอฟดับเบิลยูเอส) มีข้อสรุปเมื่อวันพฤหัสบดี (22 มิ.ย.) ว่า ประชากรของหมีกริซลี่ฟื้นตัวกลับมาแล้ว โดยนายไรอัน ซิงคี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐระบุว่า ความสำเร็จนี้เป็นหนึ่งในความสำเร็จในการอนุรักษ์ครั้งใหญ่ของอเมริกา

ทั้งนี้ ในอดีตหมีกริซลี่เคยมีประชากรมากกว่า 50,000 ตัว อาศัยอยู่ทั่วอเมริกาเหนือ แต่จำนวนประชากรของมันลดลงอย่างน่าตกใจ หลังมีการเริ่มล่าสัตว์และวางกับดักสัตว์ในช่วงปี 1850 เป็นต้นมา

ยูเอสเอฟดับเบิลยูเอส จะลงมติครั้งสุดท้ายในการตัดหมีกริซลี่ออกจากบัญชีสายพันธ์ุเสี่ยงภัยและเป็นอันตรายในช่วงปลายเดือนก.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามแผนนี้ก็หมายความว่า รัฐบาลมอนทานา, ไอดาโฮ และไวโอมิง จะสามารถจัดให้มีการล่าหมีกริซลี่อย่างจำกัด นอกอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนได้ ตามเท่าที่จำนวนประชากรหมีไม่ลดลงเหลือน้อยว่า 600 ตัว อย่างไรก็ตามแต่ละรัฐยังไม่มีแผนให้มีการล่าหมีเกิดขึ้นในปีนี้

...