ซีดีซีเผยผลวิจัยใหม่ ชี้ว่า ในแต่ละปีจะมีเด็กในสหรัฐฯ เสียชีวิตเพราะอาวุธปืนกว่า 1,300 คน และบาดเจ็บอีกมากกว่า 5,000 คน ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ แทบไม่พบเด็กเสียชีวิตหรือบาดเจ็บเพราะปืน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิจัยของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐฯ เผยผลการศึกษาใหม่ ซึ่งพบว่า ปืนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กชาวอเมริกันอายุไม่เกิน 17 ปี กว่า 1,300 คน เป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ยังมีเด็กได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะปืนอีกปีละกว่า 5,800 คน

ผลวิจัยดังกล่าวซึ่งศึกษาข้อมูลตั้งแต่ปี 2002-2014 และเผยแพร่ผ่านวารสาร ‘Pediatrics’ ยังพบอีกว่า การเสียชีวิตของเด็กในแต่ละปีเกินครึ่งเป็นการฆาตกรรม ขณะที่อีก 38% ถูกระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตาย อีก 6% เป็นอุบัติเหตุ เด็กที่เสียชีวิตเพราะปืนกว่า 82% เป็นเด็กผู้ชาย ขณะที่อัตราเสียชีวิตของเด็กผิวสีสูงกว่าเด็กผิวขาวถึง 10 เท่าตัว

แคทเธอรีน ฟาวเลอร์ ผู้นำคณะวิจัยของซีดีซีบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า “การบาดเจ็บจากอาวุธปืนเป็นสาเหตุการตายหลักของเด็กชาวอเมริกันอายุตั้งแต่ 1 ถึง 17 ปี และมีส่วนอย่างมากที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร, การเจ็บป่วย และความพิการในเด็กในแต่ละปี” “ทุกๆ วันในสหรัฐฯ จะมีเด็กประมาณ 19 คนเสียชีวิตหรือถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในแผนกฉุกเฉินเพราะบาดแผลจากอาวุธปืน”

ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าวระบุด้วยว่า การฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืนโดยมากจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กๆ ต้องรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียด หรือปัญหาด้านความสัมพันธ์กับแฟนหรือสมาชิกครอบครัว โดยเด็กผิวขาวและเด็กเชื้อสายอเมริกันพื้นเมืองมีอัตราฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืนมากกว่าเด็กกลุ่มอื่น 4-5 เท่า ส่วนอุบัติเหตุการเสียชีวิตเพราะอาวุธปืน เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเด็กๆ นำปืนไปเล่น

...

ส่วนพื้นที่ที่มีอัตราเด็กเสียชีวิตเพราะอาวุธปืนมากที่สุดในแต่ละปีคือ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และรัฐลุยเซียนา ส่วนรัฐเดลาแวร์, ฮาวาย, เมน และนิวแฮมพ์เชียร์ มีเด็กเสียชีวิตเพราะอาวุธปืนแต่ละปีที่ 20 คนหรือน้อยกว่า นักวิจัยยังพบจุดสังเกตด้วยว่า ในประเทศพัฒนาแล้วชาติอื่นๆ เป็นเรื่องยากที่จะพบเด็กเสียชีวิตหรือบาดเจ็บเพราะอาวุธปืน โดยเมื่อดูสถิติเด็กอายุ 14 หรือมากกว่า ที่เสียชีวิตในประเทศที่มีรายได้สูง พบว่า 90% อยู่ในสหรัฐฯ.