ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ชื่นชมชาติอาหรับที่ตัดสัมพันธ์กับกาตาร์เพื่อต่อต้านการสนับสนุนผู้ก่อการร้าย พร้อมระบุด้วยว่า การเยือนตะวันออกกลางของเขาผลิดอกออกผลแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเลือกข้างในวิกฤติรอยร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในโลกอาหรับแล้ว โดยในวันอังคาร (6 มิ.ย.) เขาได้ทวีตข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ แสดงความชื่นชมความเคลื่อนไหวของชาติต่างๆ ในตะวันออกกลางที่ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ เพื่อต่อต้านกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ แม้ว่ากาตาร์จะเป็นที่ตั้งฐานทัพใหญ่สุดของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางก็ตาม

ทรัมป์ระบุบนทวิตเตอร์ว่า การเดินทางเยือนตะวันออกกลางของเขาผลิดอกออกผลแล้ว และว่าคำพูดต่อต้านกลุ่มอิสลามิสต์ของเขาต่อหน้าผู้นำโลกอาหรับในการประชุมสุดยอดที่ซาอุดีอาระเบีย เป็นแรงกระตุ้นให้มหาอำนาจในโลกอาหรับตัดสินใจที่จะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ที่ประเทศเล็กๆ แห่งนี้ให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย

“ยินดีเหลือเกินที่ได้เห็นว่า การเยือนซาอุดีอาระเบียพบกับกษัตริย์และผู้นำกว่า 50 ประเทศ ผลิดอกออกผลแล้ว พวกเขาบอกว่า พวกเขาจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับการสนับสนุนลัทธิสุดโต่ง และหลักฐานทั้งหมดก็ชี้ไปที่กาตาร์ บางทีนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของผู้ก่อการร้ายก็เป็นได้” ทรัมป์ระบุบนทวิตเตอร์ของเขา

ในเวลาต่อมา นายทรัมป์ได้โทรศัพท์หารือกับสมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย และเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ชาติอ่าวอาหรับจะต้องสามัคคีกัน เพื่อต่อสู้กับแนวคิดสุดโต่งและการให้ความสนับสนุนก่อการร้าย เพื่อสันติสุขและความมั่นคงในภูมิภาค

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 มิ.ย.เป็นต้นมา ซาอุดีอาระเบีย, บาห์เรน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เยเมน, ลิเบีย, มัลดีฟส์ และล่าสุด มอริเตเนีย ประกาศตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ ด้วยเหตุผลว่าให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย แม้กาตาร์จะปฏิเสธ โดยซาอุฯ, บาห์เรน และยูเออี สั่งให้พลเรือนกาตาร์ออกจากประเทศของพวกเขาภายในเวลา 2 สัปดาห์ และห้ามพลเรือนของตัวเองเดินทางไปยังกาตาร์ รวมทั้งตัดการติดต่อทั้งทางบก, ทางทะเล และทางอากาศ ทำให้สายการบินต่างๆ ยกเลิกเดินทางไปกาตาร์ และสายการบินของกาตาร์ก็บินผ่านน่านฟ้าของประเทศเหล่านี้ไม่ได้

...

เมื่อวันอังคาร อีเมียร์ หรือเจ้าผู้ครองประเทศคูเวต เสด็จเยือนซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นตัวกลางในการประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้น โดยสื่อระบุว่า พระองค์ได้เสด็จกลับหลังการเยือนอย่างเป็นมิตร แต่ไม่มีการเปิดเผยผลการเจรจาแต่อย่างใด.