ทันทีที่ รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย นำทีมชาติเพื่อนบ้านอาหรับอีกหลายประเทศ ตัดขาดความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศกาตาร์ อย่างไร้เยื่อใย ได้ก่อให้เกิดคำถามที่ทุกคนอยากรู้คำตอบขึ้นมาทันทีว่า มาจากเหตุผลใด?
เพราะสำหรับชาวโลกแล้ว กาตาร์ ซึ่งครองแชมป์ประเทศร่ำรวยที่สุดในโลกในปี 2558 จากการเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ จนประชากร เฉลี่ยแล้วมีรายได้ต่อหัวถึงปีละ 4,736,000 บาทนั้น แทบไม่ค่อยจะมีข่าวใหญ่ข่าวร้ายมาให้ได้ยินเลยก็ว่าได้
ดังนั้น การที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเพียงชาติที่มีชายแดนติดกับกาตาร์ นำทีมชาติพันธมิตรในโลกอาหรับ ตัดความสัมพันธ์กับ กาตาร์ รวมทั้งขับทูตของกาตาร์พ้นประเทศใน 48 ชั่วโมง ตลอดจนยังดำเนินมาตรการแข็งกร้าว ‘ชัตดาวน์’ ปิดพรมแดน ปิดเส้นทางคมนามคม ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศกับกาตาร์ จนถือเป็นวิกฤติการณ์ทางการทูตครั้งใหญ่ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย แม้ฝ่ายทางการกาตาร์ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไร้หลักฐาน และไม่มีความยุติธรรม
* กาตาร์ สนับสนุนกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง-กลุ่มก่อการร้าย
...
รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศเมื่อเช้าวันที่ 5 มิ.ย. ตัดขาดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ และปิดชายแดนเชื่อมต่อกับกาตาร์ “เพื่อเป็นการปกป้องความมั่นคงของชาติจากอันตรายของการก่อการร้าย และคตินิยมสุดโต่ง” โดยได้กล่าวหารัฐบาลกาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย รวมถึง กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอซิส และกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดา โดยรัฐบาลกรุงริยาดห์ ยังกล่าวหากาตาร์ว่ากำลังแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซีย รวมทั้งสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธที่รัฐบาลอิหร่านให้การสนับสนุน
* กล่าวหา กาตาร์สนับสนุนกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ทั่วตะวันออกกลาง
เหล่าประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ได้กล่าวหารัฐบาลกาตาร์มานานแล้วว่า แอบให้การสนับสนุนกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง โดยเฉพาะ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม (the Muslim Brotherhood) ในอียิปต์ รวมทั้ง กลุ่มอัลเคดา และกลุ่มไอซิส เช่นเดียวกับ กลุ่มฮามาส ในปาเลสไตน์ กบฏฮูธิในเยเมน และกลุ่มติดอาวุธแนวร่วม อัล นุสรา ในซีเรีย ที่ได้ประกาศแยกตัวจากกลุ่มอัลเคดา เมื่อปี 59
ขณะที่ สำนักข่าวบีบีซี ชี้ว่าการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงทั่วตะวันออกกลางของกาตาร์นั้น เผยขึ้นมาอย่างเงียบๆ ในระหว่างเกิดปฏิวัติโค่นล้มอำนาจผู้นำเผด็จการในตะวันออกกลาง ที่เรียกกันว่า ‘อาหรับ สปริง’ จึงทำให้บรรดาประเทศอาหรับไม่พอใจความเคลื่อนไหวดังกล่าว และนโยบายต่างประเทศของกาตาร์
* ฉุน กาตาร์ หนุนอิหร่านออกนอกหน้า
ความสัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถือนิกายสุหนี่ กับอิหร่าน ซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่นับถือนิกายชีอะห์นั้น เกิดความตึงเครียดบาดหมางกันมานานแล้ว โดยซาอุดีอาระเบียได้พยายามจะสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย
ทว่า รัฐบาลกาตาร์ ซึ่งถึงแม้พลเมืองส่วนใหญ่จะนับถือนิกายสุหนี่ เช่นเดียวกับ ซาอุฯ แต่ด้วยความที่ กาตาร์ มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอิหร่านด้วย โดยเฉพาะการมีส่วนแบ่งในบ่อก๊าซธรรมชาติใหญ่มหึมา ‘North field’ (นอร์ท ฟิลด์) นอกชายฝั่งของกาตาร์กับอิหร่าน จึงทำให้กาตาร์ต้องเป็นมิตรกับอิหร่าน และย่อมทำให้ซาอุดีอาระเบียและประเทศอาหรับไม่พอใจ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี เจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ ยังทรงโทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับ นายฮัสซัน รูฮานี ที่ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีอิหร่านอีกสมัย
...
* ตัดสัมพันธ์กาตาร์ ไม่สนข้อชี้แจง‘ข่าวปลอม’
นอกจากนั้น การตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ ยังเกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์ หลังจากมีรายงานว่า ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี ประมุข หรือเจ้าผู้ครองนครแห่งรัฐกาตาร์ ได้วิพากษ์วิจารณ์ผู้นำประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ และเรียกร้องให้มีการผ่อนผันมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
ถึงแม้ รัฐบาลกาตาร์ ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวปลอม ซึ่งเป็นฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์ที่เข้ามาโจมตีในโลกไซเบอร์ โดยเมื่อ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์สำนักข่าวกาตาร์ได้ถูกกลุ่มนิรนามเจาะระบบแล้วนำถ้อยแถลงปลอม ที่อ้างว่าเป็นของเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ธานีมาเผยแพร่แทน อ้างว่า เจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ แสดงความเห็นในประเด็นการเมืองอ่อนไหวต่อประเทศอื่นในภูมิภาค จนทำให้สื่อวิทยุโทรทัศน์ในยูเออีนำไปรายงานต่อ และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในภูมิภาคอาหรับ
* ซาอุฯ ปิดสำนักข่าว ‘อัลจาซีรา’ สื่อกาตาร์
นอกจากการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลกาตาร์แล้ว ซาอุดีอาระเบียยังปิดสำนักข่าวอัลจาซีรา สถานีข่าวของกาตาร์ ในซาอุฯ ด้วย โดยกล่าวหาสถานีข่าวอัลจาซีรา เป็นสื่อที่เปิดพื้นที่ให้กลุ่มภราดรภาพมุสลิมโจมตีรัฐบาล รวมทั้ง มักวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ทางสำนักข่าวอัลจาซีรา อ้างว่า เป็นสำนักข่าวอิสระและเป็นกระบอกเสียงให้แก่ทุกคนในภูมิภาค..
...
ข่าวเกี่ยวข้อง