(ภาพ : AFP)

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน แห่งกัมพูชา ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงวันสุดท้ายที่กรุงพนมเปญ เมื่อ 2 มิ.ย. มีผู้สนับสนุนร่วมชุมนุมหลายหมื่นคนก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นใน 4 มิ.ย. โดยฮุน เซน เตือนพรรคฝ่ายค้านให้ยอมรับผลการเลือกตั้ง อย่ากล่าวหา ฟ้องร้องว่ามีการโกงเลือกตั้ง มิฉะนั้นจะถูกยุบพรรค ก่อนหน้านี้ ฮุน เซน ซึ่งกุมอำนาจมา 32 ปีเตือนว่าจะเกิดสงครามกลางเมือง ถ้าพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ของตนแพ้ เขายังใช้ศาลเป็นเครื่องมือ กวาดล้างฝ่ายค้านอย่างหนัก การเลือกตั้งในกว่า 1,600 คอมมูนครั้งนี้ถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้วัดการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า หลังการเลือกตั้งในปี 2556 พรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) ฝ่ายค้านแย่งที่นั่งในสภาผู้แทนฯจากซีพีพีไปได้จำนวนมาก.ก​ข้อ​ตกลง​ปารีส ซึ่ง​ทำให้​อุตสาหกรรม​น้ำมัน​และ​ถ่านหิน​ของ​สหรัฐฯ​ได้​รับ​ผล​กระทบ​รุนแรง ทำให้​จี​ดี​พี​ของ​สหรัฐฯ​ลด​ลง​ถึง 3 ล้านล้าน​ดอลลาร์​สหรัฐฯ ชาวอเมริกัน​ต้อง​ตกงาน​มาก​ถึง 6.5 ล้าน​คน แต่​ผล​ประโยชน์​กลับ​ไป​ตก​แก่ชาติ​คู่แข่ง​ด้าน​เศรษฐกิจ​ของ​สหรัฐฯ​คือ​จีน​กับ​อินเดีย ตน​จำเป็น​ต้อง​ทำ​เพื่อ​ปกป้อง​ผล​ประโยชน์ชาว อเมริกัน แต่​ก็​พร้อม​เจรจา​กัน​เรื่อง​นี้​ถ้า​สหรัฐฯ​จะ​ได้​รับ​ความ​เป็น​ธรรม​มาก​ขึ้น

ข้อ​ตกลง​ปารีส​คือ​ความ​ร่วมมือ​กัน​ลด​การ​ปล่อย​ก๊าซ​ทำลาย​ชั้น​บรรยากาศ​โลก​และ​ทำให้​ค่า​เฉลี่ย​อุณหภูมิ​โลก​ลด​ลง​ต่ำ​กว่า 2 องศา​เซลเซียส​เทียบ​กับ​ช่วง​ยุค​ก่อน​ปฏิวัติ​อุตสาหกรรม การตัด สินใจ​ของ​นาย​ทรัมป์ ทำให้​อดีต​ประธานาธิบดีบารัค โอ​บา​มา ซึ่ง​ได้​ลง​นาม​ร่วม​ข้อ​ตกลง​ฉบับ​นี้ ออกมา​วิพากษ์วิจารณ์​ระบุ​นาย​ทรัมป์​กำลัง​ปฏิเสธ​อนาคต​โลก เพราะ​สหรัฐฯ​คือ​ชาติ​ปล่อย​ก๊าซ​ทำลาย​ชั้น​บรรยากาศ​โลก​มาก​ถึง 15 เปอร์เซ็นต์

...

นอกจาก​นั้น นาย​ทรัมป์ยัง​อ้าง​ว่าการตัด สินใจ​ถอน​สหรัฐฯ​จาก​ข้อ​ตกลง​ปารีส​คือ​การ​ทำเพื่อ​ชาว​เมือง​อุตสาหกรรม​พิตต์​สเบิร์ก ไม่​ใช่เพื่อปารีส ขณะ​ที่​นาย​บิลล์ เป​ดู​โต นายกเทศมนตรี​เมืองพิตต์ส​เบิร์ก ระบุ​ตน​จะ​ดำเนิน​นโยบาย​ตาม​แนวทางหลัก​ของ​ข้อ​ตกลง​ปารีส​ต่อ​ไป ทั้ง​ระบุ​ถึง​การเลือกตั้ง​ประธานาธิบดี​สหรัฐฯ​ที่​ผ่าน​มา ว่า​นาง​ฮิ​ล​ลา​รีคลินตัน ชนะ​การ​เลือกตั้ง​ที่​เมือง​พิตต์​สเบิร์ก​เหนือ​นาย​ทรัมป์​มาก​ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วน​นาย​อี​ลอน มัสก์ นักลงทุน​ด้าน​เทคโนโลยี ได้​ประกาศ​ขอ​ลาออก​จาก​ตำแหน่ง​ที่​ปรึกษา​ของ​นาย​ทรัมป์​ประท้วง​การ​ตัดสินใจ​ของ​ผู้​นำ​สหรัฐฯ.