กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิของสหรัฐฯ แถลงเมื่อ 22 พ.ค.ว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค.2558 ถึงเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว มีชาวต่างชาติพำนักอยู่ในสหรัฐฯเกินกำหนดเวลาวีซ่า 739,478 ราย มากกว่าประชากรสหรัฐฯ ในรัฐอลาสกา หรือคิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนผู้ลักลอบพำนักอยู่ในสหรัฐฯ ราว 11 ล้านคน ซึ่งตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากเพราะทางการไม่สามารถรวบรวมสถิติได้แน่ชัด โดยกลุ่มผู้ลักลอบพำนักเกินวีซ่ามีทั้งเข้าสหรัฐฯทางเครื่องบินและทางเรือ

ทั้งนี้ จากจำนวนผู้เดินทางเข้าสหรัฐฯในช่วงเวลาดังกล่าวราว 50.4 ล้านคน พบผู้อยู่เกินกำหนดวีซ่าราว 1.5 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 1 คือชาวแคนาดา ตามด้วยเม็กซิโก บราซิล เวเนซุเอลา สหราชอาณาจักร เยอรมนี โคลอมเบีย จีน อินเดีย อิตาลี ส่วนผู้อยู่เกินวีซ่านักศึกษามากที่สุดคือ จีน ซาอุดีอาระเบีย เกาหลีใต้ อินเดีย และบราซิล

วันเดียวกัน สมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) 194 ชาติ ประชุมเลือกผู้อำนวยการ WHO คนใหม่สืบต่อจากนางมาร์กาเรต ชาน ซึ่งจะหมดวาระใน 30 มิ.ย.นี้ หลังทำหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2550 ท่ามกลางโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ ทั้งไข้หวัดนก ไวรัสอีโบลา กับโรคร้ายเก่าๆ เช่น มาลาเรีย เอดส์ โดยตัวเต็ง 3 ราย คือซาเนีย นิชตาร์ อดีต รมว.สาธารณสุขปากีสถาน เทดรอส อัดฮานอม อดีต รมว.ต่างประเทศและ รมว.สาธารณสุขเอธิโอเปีย นายแพทย์เดวิด นาบาร์โร ชาวอังกฤษ ที่ทำงานกับสหประชาชาติมากว่า 20 ปี.