ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สั่งปลดนายเจมส์ โคเมย์ วัย 56 ปี ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เมื่อ 9 พ.ค.ด้วยเหตุผลทำผิดพลาดในการสอบสวนข้อกล่าวหาต่อนางฮิลลารี คลินตัน กรณีใช้อีเมลส่วนตัวทำงานสมัยเป็น รมว.ต่างประเทศ หลังโคเมย์เข้าให้การต่อสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและแจ้งข้อมูลไม่ถูกต้องเกี่ยวกับจำนวนอีเมลที่ผู้ช่วยนางคลินตันส่งต่อให้สามีซึ่งตอนนี้หย่าร้างกันแล้ว

นายทรัมป์ส่งจดหมายถึงนายโคเมย์แจ้งเหตุผลการสั่งปลดเพราะทำตามคำแนะนำของ รมว.ยุติธรรมและกระทรวงยุติธรรมที่เห็นว่าเขาไม่สามารถเป็นผู้นำของเอฟบีไอได้อย่างมีประสิทธิภาพและจำเป็นต้องหาผู้นำเอฟบีไอคนใหม่เพื่อเรียกศรัทธาและความเชื่อมั่นของสาธารณะต่อเอฟบีไอคืนมา

ทำเนียบขาวแถลงว่า การสรรหา ผอ.เอฟบีไอ คนใหม่ จะเริ่มขึ้นโดยทันทีท่ามกลางข้อครหาและการตั้งคำถามถึงการปลดโคเมย์แบบฟ้าผ่าขณะกำลังสอบสวนความเกี่ยวพันของทีมผู้ช่วยระดับสูงของนายทรัมป์กับรัสเซียช่วงการเลือกตั้งจนทรัมป์คว้าชัยชนะ โดยเฉพาะเหล่าแกนนำพรรคเดโมแครตที่เคยวิจารณ์การทำงานของโคเมย์ช่วงที่เขาออกมาประกาศสอบสวนเรื่องการใช้อีเมลส่วนตัวทำงานของคลินตันช่วงใกล้เลือกตั้ง ต่างพากันแสดงความไม่เห็นด้วยและเรียกร้องให้ตั้งอัยการหรือคณะกรรมการอิสระขึ้นสอบสวน รวมทั้งนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุว่า การปลดโคเมย์เป็นเรื่องผิดพลาด ถือเป็นกรณีล่าสุดที่รัฐบาลทำการปลดเจ้าหน้าที่แล้วนำมาซึ่งคำถามถึงความมุ่งมั่นเพื่อสอบสวนข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ขณะที่นายแพตทริค เลฮี ส.ว.จอมเก๋าอีกคนของพรรคเดโมแครต ยกกรณีการปลดนายโคเมย์เทียบกับเรื่องอื้อฉาวสุดคลาสสิกในวงการเมืองสหรัฐฯ “วอเตอร์เกต” เมื่อ 40 กว่าปีก่อน เมื่ออดีตผู้นำสหรัฐฯ นายริชาร์ด นิกสัน สั่งปลดอัยการอิสระที่สอบสวนข้อกล่าวหาลอบดักฟังสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติ ของเดโมแครตเพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาว แต่ได้ยอมรับภายหลังเพราะจำนนต่อหลักฐาน ทำให้นิกสันกลายเป็นผู้นำสหรัฐฯเพียงคนเดียวที่ลาออก

...

ต่อมานายทรัมป์ได้ทวีตข้อความตอบโต้ว่า เมื่อเร็วๆนี้ ชูเมอร์ก็เคยแสดงออกให้เห็นว่าไม่มีความเชื่อมั่นต่อนายโคเมย์แล้ว ยืนยันข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียแทรกแซงการเมืองสหรัฐฯจนเขาชนะเลือกตั้งเป็นแค่ข่าวลวงและว่าโคเมย์จะถูกทดแทนโดยคนที่จะทำงานได้ดีกว่าและนำเกียรติยศกลับคืนสู่เอฟบีไอ.