ต้องถือว่าไม่บ่อยนัก ที่เราจะได้ยินข่าว‘เสียชื่อ’ ของเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ (FBI) ที่ต้องผ่านด่านทดสอบ-การคัดกรองหลายเรื่องกว่าจะได้มาเป็นเจ้าหน้าที่ของเอฟบีไอ แต่สำหรับข่าวใหญ่กระหึ่มโลกคราวนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึง จุดอ่อน-ช่องโหว่-ช่องว่าง ที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเอแล้ว ยังพลอยส่งผลต่อภาพลักษณ์-ชื่อเสียงของ องค์กรด้านข่าวกรองและความมั่นคงสูงสุดของชาติมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก อย่างสหรัฐฯ ที่ต้อง ‘เสียหน้า’ และ ‘อับอาย’ไปด้วย
งานนี้ เอฟบีไอ เสียหน้าอย่างแรง เมื่อโดนสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งของเอฟบีไอ ชื่อ นางแดเนียลา กรีน อายุ 38 ปี มีตำแหน่งเป็น ‘ล่าม’ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาต่างชาติ กล้า ‘โกหกคำโต’ ต่อเอฟบีไอ เพื่อแอบไปแต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยา กับนายเดนิส คัสเพิร์ต สามีคนใหม่ชาวเยอรมนี ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ สุดโหด รัฐอิสลาม หรือไอซิสที่ซีเรีย!
ต้องตะลึงมากขึ้น เพราะ นายคัสเพิร์ตคนนี้ คือ เป็นอดีตนักร้องแร็พเปอร์เมืองเบียร์ ที่ผันตัวเองมาเป็นสมาชิกไอซิส ซึ่งกรีนได้รับมอบหมายจากสำนักงานเอฟบีไอในเมืองดีทรอยต์ ให้เป็นหนึ่งในทีมสอบสวนนายคัสเพิร์ต แต่แล้ว เจ้าหน้าที่หญิงเอฟบีไอผู้นี้กลับหลงรักนายคัสเพิร์ตอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนถึงขั้นยอมทำผิดร้ายแรงต่อหน่วยงานต้นสังกัด รวมทั้งสามีของเธอเอง ด้วยการโกหก และได้เดินทางไปซีเรียเพื่อแต่งงานอยู่กินกับนายคัสเพิร์ต ในปี 2557
...
*เอฟบีไอปิดเงียบ แต่ ‘ความแตก’ โดน CNN แฉ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นสื่อแห่งแรกที่ล่วงรู้เรื่องนี้ และนำมารายงานให้ชาวโลกได้รับรู้ โดยซีเอ็นเอ็น ได้ข้อมูลจากบันทึกคำให้การในชั้นศาลที่ต้องถูกนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ในขณะที่ กรีนได้เดินทางกลับมารับโทษจำคุก และเธอก็เป็นอิสระเรียบร้อยแล้ว ทว่าเอฟบีไอ ได้ปิดเงียบ เก็บงำเรื่องนี้ให้เป็นความลับมาตลอดหลายปี
จนหลังจากข่าวนี้โดนซีเอ็นเอ็นแฉจนดังครึกโครมไปทั่วโลก สำนักงานเอฟบีไอจึงได้ออกมายืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นล่ามของเอฟบีไอคนหนึ่งได้เดินทางไปซีเรีย และแต่งงานเงียบๆ กับชายสมาชิกไอซิสที่ทำหน้าที่เสาะหาคนให้เข้าร่วมกลุ่มสุดโหดจริง ตามที่ซีเอ็นเอ็นรายงาน โดยเอฟบีไอยังได้ชี้แจงในรายการข่าวของ BBC News ว่า ‘ขณะนี้ เอฟบีไอได้ดำเนินขั้นตอนหลายอย่างในหลายพื้นที่เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นคนเดียวกัน และลดช่องโหว่ในเรื่องความมั่นคง’ หลังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ขณะที่ บีบีซี ยังเผยด้วยว่า มีผู้พิพากษาของสหรัฐฯคนหนึ่งได้สั่งให้เอฟบีไอเก็บคดีนี้ไว้เป็นความลับ แต่ในที่สุด เรื่องนี้ได้ถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 1 พ.ค. หลังจากบันทึกคำให้การในชั้นศาลได้ถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณชน
*ซีเอ็นเอ็น เผย ล่ามสาวเอฟบีไอ ตกหลุมรักผู้ก่อการร้าย
ซีเอ็นเอ็น ซึ่งเป็นสื่อแห่งแรกที่เปิดเผยคดีของแดเนียลา กรีน รายงานว่า กรีน ซึ่งเกิดในดินแดนของประเทศเชโกสโลวะเกีย และเติบโตในเยอรมนี ก่อนจะมาอยู่ในสหรัฐฯ และได้แต่งงานกับทหารอเมริกันคนหนึ่ง พร้อมทั้งย้ายมาอยู่ในรัฐเซาท์แคโลไรนา อีกทั้งเธอยังจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเคลมสัน ได้ทำงานที่สำนักงานเอฟบีไอในเมืองดีทรอยต์ และได้รับมอบหมายให้ไปสืบสวนเรื่องของนายเดนนิส ดัสเพิร์ตที่เยอรมนี ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯตีตราเป็นผู้ก่อการร้ายที่ต้องการตัวมากเป็นพิเศษ ในฐานะที่เธอเป็นล่ามที่พูดภาษาเยอรมันได้ ในเดือนมกราคม 2557 โดยกรีนได้ใช้โปรแกรมสไกป์ในการติดต่อกับผู้ก่อการร้ายคนนี้ จนนำไปสู่การพบกันของทั้งสอง
แต่แล้ว 6 เดือนต่อมา กรีน กลับโกหกสำนักงานเอฟบีไอว่า เธอจะไปเยี่ยมพ่อแม่ในเยอรมนี ทว่ากรีนกลับมุ่งหน้าไปยังตุรกี จากนั้นก็ข้ามชายแดนเข้าไปในซีเรีย โดยได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มไอซิสในพื้นที่ ทั้งที่ตอนนั้นเธอมีสามีชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นทหารแล้ว โดยซีเอ็นเอ็น ยังเผยด้วยว่า หลังจากเดินทางถึงซีเรียได้ไม่นาน ในเดือนมิถุนายน 2557 ก็มีข่าวว่ากรีนได้แต่งงานกับคัสเพิร์ต ซึ่งได้เลิกใช้ชื่อในการเป็นนักร้องแร็พเปอร์ ว่า ‘Deso Dogg’แล้ว และหันไปเรียกตัวเองว่า ชื่อ อาบู ตัลฮา อัล-อัลมานี (Abu Talha al-Almani)
*ฉุกคิดได้ ตัดสินใจเดินทางกลับสหรัฐฯ
ตามรายงานของซีเอ็นเอ็น ระบุว่า กรีนได้ส่งอีเมลมาถึงคนผู้หนึ่งในสหรัฐฯว่า ‘ฉันอ่อนแอเกินไปและไม่รู้จะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไรอีกแล้ว ฉันได้ทำเรื่องยุ่งอย่างแท้จริงขึ้นมาในตอนนี้’ ถัดมาอีกวัน เธอก็เขียนมาบอกเล่าความรู้สึกของเธอว่า ‘เธอได้จากไปแล้วและไม่สามารถกลับไปสหรัฐฯได้’ โดยกรีน ยังเล่าถึงสภาพแวดล้อมในที่ที่เธออยู่ว่าเลวร้ายมาก และไม่รู้ว่าจะต้องอยู่อีกนานแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันคงสายเกินไปเสียแล้ว
...
แต่หนึ่งเดือนหลังจากกรีนได้เดินทางไปยังซีเรีย เธอได้หลบหนีออกจากซีเรีย กลับไปยังสหรัฐฯเมื่อเดือนสิงหาคม 2557และเธอได้ถูกจับกุมทันทีที่เดินทางมาถึง พร้อมกับยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่เบื้องต้น ยังไม่รู้แน่ชัดว่ากรีนได้หลบหนีออกจากซีเรียได้ด้วยวิธีใด? โดยซีเอ็นเอ็น แจ้งว่า กรีนได้ยอมรับกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่าเธอได้บอกกับคัสเพิร์ตว่าเขาตกเป็นเป้าหมายการสืบสวนของเอฟบีไอ
*เอฟบีไอมึนตึ้บ สารภาพผิด ทำข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการก่อการร้ายข้ามชาติ
หลังจากถูกจับกุมแล้ว กรีนได้สารภาพเมื่อเดือนธันวาคม 2557 ว่าเธอได้ทำรายงานเท็จเกี่ยวกับการก่อการร้ายข้ามชาติ โดยความผิดของกรีนทำให้เธอถูกตัดสินจำคุกแค่เพียง 2 ปี และได้รับการปล่อยตัวเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยตอนนี้ กรีน ได้ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่อนุญาตให้เปิดเผยสถานที่
*ทำไมรับโทษน้อย ทั้งที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ?
ซีเอ็นเอ็น ชี้ว่า ตามความเห็นของนายจอห์น เคอร์บี อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯต่อคดีของเดเนียลา กรีนว่า ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความลำบากใจให้แก่เอฟบีไออย่างมาก อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขาก็ยังคงสงสัยเกี่ยวกับการที่กรีนสามารถเข้าไปในซีเรีย โดยได้รับการยินยอมจากเหล่าผู้นำระดับสูงของกลุ่มไอซิส ซึ่งรู้ดีว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่ของเอฟบีไอ
...
‘คนนอกส่วนใหญ่ที่พยายามเข้าไปในดินแดนที่ไอซิสยึดครองอยู่ในซีเรียตกอยู่ในความเสี่ยง ที่จะถูกตัดหัว’ นายเคอร์บี ซึ่งขณะนี้เป็นนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงแห่งชาติให้กับซีเอ็นเอ็นกล่าว
โดยซีเอ็นเอ็น ยังระบุว่า ตามเอกสารในคดีที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ได้กล่าวโทษการกระทำของกรีนในครั้งนี้ว่า กระทำผิดอย่างมหันต์และสมควรได้รับโทษหนัก โดยนายโธมัส กิลลิซ ผู้ช่วยอัยการ ชี้ว่า กรีนละเมิดความไว้วางใจของสาธารณะ, ละเมิดความไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติ และละเมิดความไว้วางใจต่อเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นอ้นตรายต่อความมั่นคงของประเทศเรา
ซีเอ็นเอ็น ยังชี้ว่า การตัดสินให้กรีนได้รับโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งเป็นโทษที่ได้รับน้อยกว่าจำเลยคนอื่นๆ ที่ถูกตั้งข้อหาเกี่ยวข้องกับคดีก่อการร้ายที่ผ่านมา
*อดีตล่ามสาวเอฟบีไอ เปิดใจกับซีเอ็นเอ็น ‘รู้สึกกลัว’
กรีน ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่ได้ไปสอบถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังสืบรู้มาว่ากรีนทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งกรีน บอกว่าเธอรู้สึกกลัวที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคดีของเธอ ‘ถ้าฉันบอกคุณแล้ว ครอบครัวของฉันจะตกอยู่ในอันตราย’ กรีน พูดและปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใดๆ เพิ่มเติม ในขณะที่ คัสเพิร์ต นั้นมีข่าวว่า ยังรอดชีวิตหลังจากสหรัฐฯได้ยิงขีปนาวุธ มิสไซล์โจมตีฐานที่มั่นของไอซิส ในปี 2558 ขณะที่ ทางสหรัฐเชื่อว่าอดีตแร็พเปอร์ผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่และอาศัยอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มไอซิส
...
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ คัสเพิร์ต ยังถูกสหรัฐฯหมายหัว แต่คดีของแดเนียลา กรีน อดีตเจ้าหน้าที่ล่ามของเอฟบีไอ ที่เกิดไปตกหลุมรัก แร็พเปอร์ชาวเยอรมัน ที่ผันตัวไปเป็นนักรบญีฮัด เข้าร่วมกลุ่มไอซิสนั้น ถือเป็น ‘กรณีศึกษา’ ของเอฟบีไอเลยก็ว่าได้ ที่จะต้องเร่งหาทางแก้ไข หลังจากงานนี้ ทำให้ เอฟบีไอ ต้องเสียหน้าอย่างแรงไปแล้วเรียบร้อย....