สหราชอาณาจักรยื่นหนังสือ ขอลาออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อ 29 มี.ค. เพื่อใช้คำสั่งมาตรา 50 พาประเทศออกจากการเป็นสมาชิกของอียู...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร (ยูเค) ยื่นหนังสือ แจ้งขอลาออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ให้แก่นาย โดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรปอย่างเป็นทางการแล้ว ในวันพุธที่ 29 มี.ค. เพื่อเริ่มต้นกระบวนการพายูเคออกจากอียู หรือการทำเบร็กซิต ที่พวกเขาเป็นสมาชิกมานานกว่า 44 ปี
สหราชอาณาจักรประกาศไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าพวกเขาจะยื่นหนังสือแจ้งเรื่องการทำเบร็กซิตในวันที่ 29 มี.ค. ซึ่งในช่วงเช้าของวันดังกล่าว เซอร์ ทิม บาร์โรว์ ผู้แทนถาวรแห่งสหราชอาณาจักรได้ยื่นจดหมายอย่างเป็นทางการจำนวน 6 หน้าให้แก่นายโดนัลด์ ทัสค์ ที่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม
ไม่กี่นาทีต่อมา นาง เธเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ยืนยันต่อหน้าเหล่าสมาชิกสภาสามัญชนในกรุงลอนดอนว่า ยูเคได้เริ่มใช้คำสั่งมาตรา 50 แห่งสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อเริ่มต้นกระบวนการทางกฎหมายสำหรับพายูเคออกจากสหภายุโรป ภายในกรอบเวลา 2 ปีแล้ว
“ตอนนี้กระบวนการตามมาตรา 50 กำลังดำเนินไป และสหราชอาณาจักรกำลังออกจากสหภาพยุโรปตามต้องการของชาวบริเตน” นายกฯ เมย์กล่าว “นี่เป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์สำหรับสิ่งซึ่งไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก บริเตนกำลังออกจากสหภาพยุโรป”
ด้านนายทัสค์กล่าวหลังจากรับจดหมายขอลาออกของสหราชอาณาจักรด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “ไม่มีเหตุผลที่จะแสร้งทำเป็นว่า วันนี้เป็นวันที่มีความสุข ไม่ทั้งบรัสเซลส์และลอนดอน ในเมื่อ ชาวยุโรปส่วนใหญ่ รวมทั้งชาวบริติชผู้ลงคะแนนประชามติเกือบครึ่ง ปรารถนาว่าเราจะยังอยู่ร่วมกัย ไม่แยกจาก สำหรับผม ผมจะไม่แสร้งทำเป็นว่าวันนี้ผมมีความสุข” เขากล่าวเสริมด้วยว่า การเบร็กซิตทำให้สมาชิก 27 ชาติที่เหลือของอียู มีความเด็ดเดี่ยวและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
...
ทั้งนี้ ในจดหมายขอลาออกของสหราชอาณาจักร นางเมย์พยายามใช้ถ้อยคำโน้มน้าวอย่างเป็นมิตรกับอียู โดยเน้นย้ำความหวังของเธอ ที่ต้องการให้ยูเคกับอียูยังคงเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด และต้องการให้ทั้งสองฝ่ายเป็นหุ้นส่วนที่ลึกซึ้งและพิเศษ เธอยังแสดงความชัดเจนว่า เธอไม่อยากออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง และเสนอหลักการหลายอย่างเพื่อกำหนดทิศทางการเจรจา