ถูกเมิน?–ภาพไม่ระบุวันเวลาซึ่งสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ นำออกเผยแพร่ ขณะนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ส่องกล้องทางไกล ขณะไปตรวจด่านป้องกันชาติบนเกาะฮวา ทางชายฝั่งตะวันออก (เอเอฟพี)
การเดินทางเยือนเกาหลีใต้ก่อนเกาหลีเหนือของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของ “พญามังกร” จีน เมื่อ 3-4 ก.ค.ที่ผ่านมา ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเป็นการ “แหกธรรมเนียมปฏิบัติ” ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
จีนกับเกาหลีเหนือเป็นพันธมิตรกันมายาวนาน เพราะเป็นเพื่อนบ้านที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์เหมือนกัน จีนยังเคยช่วยเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กับพันธมิตรในสงครามเกาหลี ช่วงปี 2493-2496 ก่อนมีข้อตกลงสงบศึก จากนั้นก็อุ้มชูกันมาตลอดทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
คราใดที่ผู้นำจีนคนใหม่ขึ้นครองอำนาจ จะเดินทางเยือนเกาหลีเหนือก่อนเกาหลีใต้ “ศัตรูร่วมสายเลือด” เสมอ แม้จีนกับเกาหลีใต้จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันตั้งแต่ปี 2535 แล้วก็ตาม
การเลือกเยือน “โสมขาว” ก่อน “โสมแดง” เป็นครั้งแรกของผู้นำจีนรุ่นที่ 5 จึงมีนัยสำคัญไม่ธรรมดา ท่ามกลางความขุ่นเคืองของเกาหลีเหนือที่ตอบโต้ด้วยการทดลองจรวดและขีปนาวุธดักหน้าหลายระลอก

นอกจากนางเผิง ลี่หยวน ศรีภริยาแล้ว นายสี จิ้นผิง ยังนำคณะผู้บริหารธุรกิจระดับบิ๊กเบิ้มของจีนถึง 250 คนไปด้วย รวมทั้งแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง “อาลีบาบา” บริษัทอี-คอมเมิร์สยักษ์ใหญ่ และโรบิน หลี่ ประธานบริษัท “ไป่ตู้” เสิร์ช เอ็นจิ้นอันดับ 1 ของจีน แสดงให้เห็นว่าเน้นเรื่องเศรษฐกิจการค้าเป็นพิเศษ
จีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และเกาหลีใต้ซึ่งเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย กำลังเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กันอยู่ จีนยังเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ เมื่อปีที่แล้ว มูลค่าการค้าทวิภาคีสูงถึง 290,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าการค้าระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ และญี่ปุ่นรวมกันเสียอีก
สี จิ้นผิง กับนางปาร์ค กึน-เฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีเป็นพิเศษ เคยพบปะเจรจากันแล้วถึง 5 ครั้ง ตั้งแต่สี จิ้นผิง ขึ้นกุมอำนาจเมื่อ 14 มี.ค.2556 นางปาร์คยังไปเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่สี จิ้นผิง ก็ส่งของขวัญไปอวยพรวันเกิดนางปาร์คเมื่อต้นปีนี้
นับเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ที่น่าจับตามอง เพราะปกติ เกาหลีใต้ “ซบอก” สหรัฐอเมริกามาตลอด มีทหารอเมริกันอยู่ในเกาหลีใต้หลายหมื่นนาย อีกทั้งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ มหาศาล เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือคู่อริ
การเยือนเกาหลีใต้ครั้งนี้ นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ จีนยังหวังผลด้านการเมืองและความมั่นคงด้วย เพราะจีนมีกรณีพิพาทแย่งชิงพื้นที่ทางทะเลกับเพื่อนบ้านอีนุงตุงนังไปหมด รวมทั้งกับญี่ปุ่นและหลายชาติในอาเซียน
เป็นที่รู้กันว่าทั้งจีนและเกาหลีใต้ไม่ค่อย “กินเส้น” กับญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นกำลังแย่งชิงหมู่เกาะเซนกากุ หรือเตี้ยวหวีในทะเลจีนตะวันออกกับจีน และแย่งชิงหมู่เกาะทาเกชิมะ หรือด็อกโดในทะเลญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้
ทั้งจีนและเกาหลีใต้ยังเคยถูกกองทัพญี่ปุ่นรุกรานคล้ายกัน และรู้สึกว่าญี่ปุ่นไม่สำนึกผิดเท่าที่ควร มิหนำซ้ำ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ พันธมิตรสนิทของสหรัฐอเมริกา ก็กำลังผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติ เพื่อเพิ่มบทบาทกองทัพญี่ปุ่นให้กลับมาผงาดอีกครั้ง ทำให้จีนและเกาหลีใต้ขุ่นเคืองหนักขึ้น
การที่เกาหลีใต้ตัดสินใจยกระดับความสัมพันธ์ สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะหวังให้จีนซึ่งเป็น “ลูกพี่” ช่วยกดดันเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และพฤติกรรมยั่วยุข่มขู่คุกคาม หลังจากโสมแดงทดลองระเบิดนิวเคลียร์แล้ว 3 ครั้ง จนถูกนานาชาติคว่ำบาตร และการเจรจา 6 ฝ่ายระหว่างสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ต้องหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2551
เกาหลีใต้ยังต้องการให้จีนสนับสนุนแนวทางของตนในการรวมชาติเกาหลีในอนาคต และช่วยคานอำนาจญี่ปุ่นซึ่งมีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่จีนก็หวังแผ่อิทธิพลเข้าไปในเกาหลีใต้ พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย หลังละเลยกันมานานเพราะเลือกคบกับเกาหลีเหนือมาตลอด
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้จีนเลือกเยือนเกาหลีใต้ก่อน อาจเป็นเพราะต้องการส่งสัญญาณถึงนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนใหม่ ที่ออกอาการ “พยศ” กระด้างกระเดื่อง ไม่เคารพจีนลูกพี่ใหญ่เท่าที่ควรเหมือนผู้นำ 2 รุ่นก่อนซึ่งเป็นบิดาและปู่ เห็นได้จากจีนยังไม่เชิญคิม จอง อึน ไปเยือนกรุงปักกิ่งตั้งแต่ขึ้นกุมอำนาจในปลายปี 2554
จีนไม่ค่อยพอใจที่คิม จอง อึน ทำตัวแข็งกร้าว ไม่ประนีประนอมกับประชาคมโลก โดยเฉพาะการดึงดันจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป ทั้งที่เศรษฐกิจของตัวเองย่ำแย่ ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส แต่ก็ยังขู่จะทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ปูทางสู่การพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ ซึ่งอาจมีพิสัยไกลยิงถึงดินแดนสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าจีนจะไม่กดดันเกาหลีเหนือหนักหน่วงเกินไป หรือ “ตัดหาง ปล่อยวัด” กันแบบสิ้นเชิง เพราะกลัวเกาหลีเหนือจะล่มสลาย ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือหลายล้านคนทะลักข้ามพรมแดนเข้าสู่จีน ซึ่งจะก่อปัญหาใหญ่หลวงให้จีน
การเดินเกมเกาหลีเหนือ-ใต้ของจีน จึงเป็นไปอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เสียสมดุลสัมพันธภาพที่เป็นอยู่จนเกินไป เห็นได้จากนายสี จิ้นผิง ไม่ได้ตำหนิว่าร้ายเกาหลีเหนือ แต่ยืนยันสนับสนุนให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีด้วยการเจรจาโดยสันติ
การรุกคืบเข้าสู่เกาหลีใต้ของจีน ยังเป็นบททดสอบความแข็งแกร่งของ “โครงสร้างพันธมิตร” ระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ และญี่ปุ่นครั้งสำคัญ “พี่เบิ้ม” สหรัฐอเมริกา จะแก้หมากตานี้อย่างไร ต้องติดตาม!