การปรากฏตัวของกลุ่มติดอาวุธไอซิส (ISIS) ด้วยการบุกยึดครองเมืองต่างๆ ในอิรัก รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ!! สร้างความตื่นตะลึง และทำให้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีนูรี อัล มาลิกิ แห่งอิรัก ถึงกับตั้งตัวไม่ติด!!

"มิคสัญญี - โศกนาฏกรรม - สงครามกลางเมือง - วิกฤตการณ์ความรุนแรง" ฯลฯ คำต่างๆ เหล่านี้ กำลังนำมาใช้เรียกสถานการณ์รุนแรงในอิรัก ในวันนี้ ไปจนถึงแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

13 ปีผ่านไป หลังจากชาวอิรักต้องเผชิญสงครามปราบปรามการก่อการร้าย ภายใต้การนำของกองทัพสหรัฐฯ และพันธมิตร หลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 วินาศกรรมช็อกโลก "กลุ่มก่อการร้ายอัล-เคดา" ขับเครื่องบินพุ่งชนตึกแฝด "เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์" ในมหานครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 11 เดือนกันยายน 2544

ไม่น่าเชื่อ เมื่อมาถึงวันนี้ ชาวอิรักยังคงต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง แถมยังใหม่-สดกว่าเพืื่อน เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน และมีนายอาบู บาคาร์ อัล-บักดาดี เป็นหัวหน้ากลุ่ม ในนามกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและลีแวนต์ (Islamic State in Iraq and Levant) หรือ ISIL

แต่คงไม่ชัดเท่ากับคำนี้ Islamic State in Iraq and Syria หรือ ISIS (ไอซิส)...

อุดมการณ์ของกลุ่มไอซิส คือ ความมุ่งมั่นต้องการที่จะจัดตั้งรัฐอิสลามขึ้นในอิรักและซีเรียนั่นเอง! ซึ่งถือเป็นอุดมการณ์เหมือนกับกลุ่มติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรงกลุ่มอื่นๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มตาลีบัน ในประเทศอัฟกานิสถาน หรือกลุ่มโบโก ฮาราม ทางตอนเหนือของไนจีเรีย

ก่อนหน้านี้ ชาวโลกแทบไม่เคยรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม ของกลุ่มไอซิส ซึ่งมีสมาชิกเป็นชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ มาก่อนเลย มารู้จักก็ต่อเมื่อสามารถบุกยึดเมืองโมซูล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก ไว้ในกำมือได้อย่างรวดเร็ว-ง่ายดาย ราวพลิกฝ่ามือ ขนาดกำลังทหารอิรักสู้ไม่ไหว เผ่นหนีตายกันไปหมด

...

แต่สำหรับ นายลักดาห์ บราฮิมี ทูตพิเศษสหประชาชาติและสันนิบาตอาหรับประจำซีเรียแล้ว เขามีความรู้สึกทดท้ออย่างมาก เมื่อต้องมาเห็นความเหี้ยมโหดของกลุ่มไอซิส ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในประเทศอิรัก ต่อจากซีเรีย

เพราะขณะที่นายบราฮิมีทำหน้าที่เป็นทูตพิเศษของยูเอ็นประจำซีเรียนั้น เขาพยายามหาวิถีทางที่จะยุติสงครามกลางเมืองในซีเรีย พร้อมกับพยายามเตือนมาตลอดว่าให้ระวัง กลุ่มไอซิส ไว้ให้ดี...

เรียกว่า บราฮิมี รู้จักไอซิส ดีพอ ถึงขนาดพูดว่า การที่กลุ่มไอซิสสามารถปฏิบัติการในอิรักได้ในขณะนี้ คือ ผลลัพธ์จากการปฏิบัติการของกลุ่มไอซิสในซีเรีย และที่สำคัญ นี่คือผลสะท้อนที่ประชาคมโลกนิ่งนอนใจ เกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงและสงครามกลางเมืองในซีเรียนั่นเอง

นายบราฮิมี ยังบอกด้วยว่า เขาได้ทำรายงานเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วว่า กลุ่มไอซิสที่กำลังอยู่ในอิรัก มีอันตรายมากกว่ากลุ่มติดอาวุธกลุ่มอื่นๆ ในซีเรีย นับสิบเท่าตัว!!

‘ความล้มเหลวในช่วงเวลาสองปีกว่าที่ผ่านมา ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในซีเรียที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าแสนคน และต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างแดนกว่าล้านคน คือ บทพิสูจน์ให้ประชาคมโลกเห็นแล้วว่า ความรุนแรงและความวุ่นวายต่างๆ ไม่ได้มีเฉพาะในซีเรียเท่านั้น แต่จะเกิดขึ้นในทั่วทุกมุมโลก’ อดีตทูตพิเศษยูเอ็นประจำซีเรีย กล่าวด้วยความเสียใจ

พร้อมกันนั้น นายบราฮิมียังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า นับเป็นเรื่องน่าเสียใจที่ประชาคมโลกไม่เห็นความสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤติในซีเรีย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือใดๆ เลย เพราะนับจากนี้ไป ประชาคมโลกจะได้เห็นกลุ่มติดอาวุธที่มีจิตใจโหดเหี้ยมผิดมนุษย์เหล่านี้ ที่นอกจากจะปฏิบัติการในซีเรีย และอิรักแล้ว ยังพร้อมจะปฏิบัติการทุกๆ ที่ที่พวกเขาต้องการที่จะทำ...

ฟังความเห็นจากนายบราฮิมี แล้ว รู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงข้างใน ที่สำคัญ หลังจากกลุ่มไอซิสสามารถบุกรุกคืบยึดเมืองต่างๆ ในอิรักได้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความฮึกเหิมแล้ว พวกเขายังโชว์หลักฐานความเหี้ยม แพร่ภาพเหตุการณ์ขณะสังหารทหารอิรัก ผ่านทางโซเชียล มีเดีย ให้ดูกันจะจะ

...

ถึงแม้จะไม่มีการยืนยันว่าเป็นภาพจริงหรือไม่? แต่ “ผลงานการสร้าง” ของกลุ่มไอซิส ที่สามารถรุกคืบบุกยึดเมืองจากทางตะวันตก ขึ้นทางเหนือ ลงมาทางใต้ ค่อนไปทางตะวันออก มุ่งตรงสู่กรุงแบกแดด...คงต้องยอมรับว่า กลุ่มติดอาวุธนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

จนขนาดนายกรัฐมนตรีอัล มาลิกิ ของอิรัก ซึ่งเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ ได้ออกมาขอความช่วยเหลือจากประชาคมโลกตั้งแต่เนิ่น หลังกลุ่มไอซิสบุกยึดเมืองโมซูลได้ใหม่ๆ...พร้อมทั้งเมื่อวันพุธที่ 18 มิ.ย. ผู้นำอิรักยังได้วิงวอนขอร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งให้กองทัพใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสกัดขัดขวางกลุ่มไอซิสด้วยเถิด

ขณะที่ ด้าน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ยังรีๆ รอๆ ไม่ผลีผลามด่วนตัดสินใจ หลังจากก่อนหน้า ได้ปฏิเสธอย่างส้ินเชิงที่จะส่งทหารอเมริกันกลับเข้าไปในอิรักอีกแน่นอน...

สถานการณ์ในอิรักเวลานี้ เป็นเรื่องที่ต้องจับตามองแบบห้ามกะพริบ เพราะในวันนี้ เรายังคงได้เห็นกลุ่มคนหัวรุนแรง และพร้อมจะก่อความรุนแรงที่คาดไม่ถึง เหมือนกับที่กลุ่มอัลเคดา เคยทำ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา...

...