การระบาดอย่างหนักของ เชื้อไวรัสอีโบลา ในประเทศกินี เวลานี้ ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 60 ราย กำลังหวนกลับมาสร้างความหวาดผวาให้กับชาวโลกอีกรอบ หลังการระบาดของเชื้อไวรัสมรณะที่ผ่านมา จะพบในทวีปแอฟริกาเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น และปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนหรือยาจำเพาะที่จะสามารถรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาให้หายขาด มีแต่เพียงแค่การประคับประคองอาการเท่านั้น
เชื้อไวรัสอีโบลา จัดเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สุดโรคหนึ่งในโลก นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกที่ประเทศซาอีร์และประเทศซูดานในทวีปแอฟริกา เมื่อปี 2519 โดยการระบาดสองครั้งแรก เป็นการระบาดครั้งใหญ่ ทำให้มีผู้ล้มป่วยมากกว่า 550 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 340 ราย ซึ่งนับเป็นอัตราการตายที่สูงมาก
และการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาก่อนหน้านี้ เกิดที่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ระหว่าง เดือนพฤษภาคม ถึงพฤศจิกายน ปี 2555 มีผู้ติดเชื้อ 62 ราย ในจำนวนนี้เสียชีิวิต 34 ราย
สำหรับการระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อไวรัสอีโบลาในกินี ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา นับเป็นการระบาดครั้งแรก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)ระบุ ยังไม่เคยมีรายงานว่าเคยเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสมฤตยูในประเทศนี้มาก่อนเลย
ด้วยเหตุนี้ จึงน่าเห็นใจรัฐบาลกินีไม่น้อย ที่เพิ่งออกมายืนยันเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ว่า เชื้อไวรัสลึกลับที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 59 ราย ทั้งท่ี่พบการแพร่ระบาดตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา คือ 'เชื้อไวรัสอีโบลา' น่ั่นเอง
พร้อมกันนั้น รัฐบาลสาธารณรัฐกินี ยังระบุด้วยว่า เชื้อไวรัสมรณะนี้อาจจะแพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เซียร์รา ลีโอนแล้วก็เป็นได้ เนื่องจากพบการติดเชื้อลักษณะใกล้เคียงกันนี้ในประเทศเซียร์รา ลีโอนเช่นกัน อีกทั้งทางการแคนาดายังกำลังเฝ้าติดตามอาการป่วยของชายรายหน่ึ่ง ที่คล้ายคลึงกับการติดเชื้อไวรัสอีโบลา หลังจากชายผู้นี้เพิ่งเดินทางกลับจากไปเยือนประเทศไลบีเรียเมื่อเร็วๆ นี้
เชื้อไวรัสอีโบลา เป็นคำสามัญที่ใช้กับทั้งกลุ่มของไวรัส ที่อยู่ในสกุลอีโบราไวรัส และใช้กับโรคที่ไวรัสชนิดนี้ก่อขึ้น คือโรคไข้เลือดออกอีโบลา (Ebola hemorhagic fever) ซึ่งเป็นโรคระบาดร้ายแรง และเป็นหนึ่งในโรคที่ถูกกล่าวขวัญกันมากที่สุดในยุคนี้ นับตั้งแต่ถูกค้นพบในการระบาดครั้งแรกเกือบ 40 ปีก่อน
สำหรับ อาการของโรค จะมีความผันแปรและมักเกิดอย่างฉับพลัน เริ่มด้วยการมีไข้สูง (อย่างต่ำ 38.8 องศาเซลเซียส ) มีอาการปวดศีรษะรุนแรง, ปวดกล้ามเนื้อ, ข้อและช่องท้องรุนแรง อ่อนเพลียอย่างหนัก และวิงเวียนศีรษะ โดยช่วงแรกๆ ที่เกิดการระบาดและยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก มักวินิจฉัยว่าเป็นไข้มาลาเรีย, ไข้ไทฟอยด์ , ท้องร่วง , ไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งโรคอื่นๆ ที่เกิดจากแบคทีเรียซึ่งมีอาการคล้ายคลึงแต่ไม่รุนแรงถึงชีวิต
อาการรุนแรง ลามถึงขั้นร้ายแรงและทำให้เสียชีวิต จะมีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง อุจจาระกลายเป็นสีดำหรือแดงจัด อาเจียนเป็นเลือด ตาแดงจัด ความดันโลหิตลดต่ำกว่า 90/60 อีกทั้งไต ม้าม และตับได้รับความเสียหาย
ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิต เกิดจากร่างกายขาดเลือด หรืออวัยวะภายในวาย โดยข้อมูลจากนักวิจัยยังเปิดเผยว่า เชื้อไวรัสอีโบลาสามารถเพิ่มจำนวนได้รวดเร็วมาก จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้
เชื้อไวรัสอีโบลา สามารถแพร่ระบาดได้จากการสัมผัสเลือด สิ่งคัดหลั่งอวัยวะ หรือน้ำจากร่างกาย , อุจจาระหรือเหงื่อของผู้ป่วยโดยตรง หรือการมีเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสศพผู้มีเชื้อโรคนี้โดยไม่มีการป้องกัน
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุด้วยว่า ปัจจุบันโรคไข้เลือดออกอีโบลา ยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีรักษา อัตราการเสียชีวิตสูงมากถึงระหว่าง 25 - 90% ขึ้นอยู่กับสายพันธ์ุไวรัส
ความหว่ั่นกลัวมหันตภัยของเชื้อไวรัส ถึงขนาดก่อให้เกิดความวิตกว่าจะถูกนำมาผลิตเป็นอาวุธชีวภาพ อีกทั้งความน่าสะพรึงกลัวของเชื้อไวรัสอีโบลา ถึงขนาดเคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่อง Outbreak หรือวิกฤติไวรัสสูบนรก ในปี 2538 มาแล้ว.