สถานการณ์ในอิหร่านกลับมาตึงเครียด เมื่อประชาชนและกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในกรุงเตหะรานรวมถึงเมืองใหญ่ทั่วประเทศ พร้อมใจกันออกมาชุมนุมประท้วง หลังค่าเงินเรียล ร่วงทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 1.42 ล้านเรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้นายโมฮัมหมัด เรซา ฟาร์ซิน ผู้ว่าการธนาคารกลางอิหร่าน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

รายงานระบุว่า บรรดาผู้ค้าในย่านเศรษฐกิจสำคัญอย่างถนนซาดี และย่านชูช ใกล้กับตลาดแกรนด์บาซาร์ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้พากันปิดร้านและออกมารวมตัวกัน นอกจากนี้ยังมีรายงานการประท้วงในเมืองใหญ่ทั้ง อิสฟาฮาน, ชีราซ และมัชฮัด โดยในบางจุดของกรุงเตหะราน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม ซึ่งการประท้วงครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี เมื่อปี 2022

ค่าเงินเรียลของอิหร่านดิ่งลงไปแตะระดับ 1.42 ล้านเรียลต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันอาทิตย์ (28 ธ.ค.)  ก่อนจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.38 ล้านเรียลในวันจันทร์ ซึ่งหากย้อนกลับไปในปี 2022 เมื่อนายฟาร์ซินรับตำแหน่ง ค่าเงินยังอยู่ที่ระดับ 430,000 เรียลต่อดอลลาร์เท่านั้น

การอ่อนค่าอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาสินค้า โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคมพุ่งสูงถึง 42.2% ส่วนราคาอาหาร พุ่งทะยานสูงถึง 72% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข เพิ่มขึ้น 50% นักวิเคราะห์เตือนว่าอิหร่านกำลังเข้าสู่สภาวะ "Hyperinflation" หรือเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ซ้ำเติมด้วยแผนการปรับขึ้นภาษีในปีงบประมาณใหม่ที่จะเริ่มในเดือนมีนาคม และการปรับราคาขายปลีกน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา

เศรษฐกิจของอิหร่านถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยความไม่มั่นคงหลายด้าน โดยเฉพาะหลังสงคราม 12 วันกับอิสราเอลเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รวมถึงความกังวลเรื่องการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ นอกจากนี้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติได้ประกาศกลับมาคว่ำบาตรทางนิวเคลียร์ต่ออิหร่านอีกครั้ง ซึ่งทำให้ทรัพย์สินในต่างประเทศถูกอายัดและระงับการค้าอาวุธ ยิ่งเป็นการปิดประตูทางรอดทางเศรษฐกิจของประเทศ

...

ปัจจุบัน ประชาชนชาวอิหร่านต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก จากค่าเงินที่เคยอยู่ที่เพียง 32,000 เรียลต่อดอลลาร์ในช่วงข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 แต่กลับพุ่งสูงขึ้นกว่า 40 เท่าในปัจจุบัน หลังสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงในปี 2018 เป็นต้นมา.


ที่มา Associated Press